| 
				  
 
			
			พระอาจารย์กล่าวถึงพระรูปหนึ่งว่า "เมื่อเช้ามีโยมจากลพบุรีมาขอพระไปอยู่ที่นั่น  โยมเขาบอกว่า ยกที่ตรงนั้นให้พระอาจารย์สมปอง  แล้วก็เอาพระของเราไปอยู่  
 ความจริงพระท่านเพิ่งบวชไม่นาน  คราวนี้สิ่งที่ท่านทำมักจะขัดกับคนอื่นเขา  ท่านก็เลยอยู่ที่วัดท่าขนุนไม่ได้..ขอออกจากวัดไป  คาดว่าไปหาพระอาจารย์สมปอง ท่านก็เลยยกที่ให้ส่วนหนึ่ง
 
 โยมเขาก็ดีใจว่ามีพระไปดูแล  ก็เลยมาที่นี่  จะมาขอคำแนะนำ อาตมาบอกว่า "ไม่มีคำแนะนำ พระท่านเพิ่งบวชไม่นาน  ศีลมีอะไรบ้างก็ยังรู้ไม่ครบ  ถ้าหากว่าโยมเอาไปอยู่ด้วย   ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นโยมก็รับผิดชอบเองแล้วกัน  เพราะว่าเขาพ้นจากวัดไปก็ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของอาตมาแล้ว..!"
 
 เรื่องนี้จริง ๆ แล้วความผิดอยู่ที่พระ  เรียนทางโลกมาก็สูง คือ จบปริญญาโท   แต่ว่าทางโลกกับทางพระนั้นคนละเรื่องกัน  เราจะมีความมั่นใจอะไรสักเท่าใดก็ตาม  จะเอามาใช้กับเรื่องของศีล  สมาธิ ปัญญาไม่ได้ เพราะเป็นคนละส่วนกัน  ประสบการณ์ทางโลกไม่ใช่ประสบการณ์ทางธรรม
 
 พระพุทธเจ้าก็ระบุไว้ชัดว่า  ถ้ายังไม่ได้  ๕ พรรษาขึ้นไป ก็ยังไม่ได้นิสัยมุตตกะ  ยังต้องอยู่ภายใต้การปกครองดูแลของครูบาอาจารย์  ท่านรู้ทั้งรู้  แต่ว่าเป็นคนชอบไปเรื่อย ๆ อยู่ไม่เป็นที่  ที่ออกจากวัดไปเพราะวัดมีระเบียบไว้ว่าลาได้กี่วัน  แต่ไม่เพียงพอกับเวลาที่ท่านจะไป
 
 ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ส่วนที่เสียหายมากที่สุดคือพระศาสนา  พระที่ไปอยู่ยังไม่มีคุณภาพพอ ไม่ว่าปริยัติหรือปฏิบัติยังไม่สามารถรักษาตัวเองได้  แล้วยังต้องรับภาระไปดูแลสถานที่  ซึ่งถ้าได้ยินไม่ผิดก็คือ พื้นที่  ๓๐  ไร่  ยิ่งถ้าต้องมีการก่อสร้างมีอะไรเข้าไปด้วย โดยที่กำลังใจของตนเองยังไม่มั่นคง  ก็จะเกิดความเสียหายขึ้นแก่ตัวเองก่อน"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2010 เมื่อ 11:52
 |