สุข ๆ ดิบ ๆ
ก่อนเดินทางไปงานสืบชะตาของหลวงพ่อ งานนี้ป่วยชนิดที่เรียกว่า กินยาตอนเก้าโมงเช้า หลับเป็นตายมาตื่นเอาเกือบจะบ่ายสี่โมงเย็น ค่อย ๆ หอบสังขารจัดแจงข้าวของส่วนตัว แล้วเดินทางไปขึ้นรถโดยสารปรับอากาศ ภูเก็ต-กรุงเทพฯ จัดยาให้ตัวเองอีกชุดใหญ่ ทั้งยาแก้ไข้ ยาระงับอาการท้องเสียชนิดเฉียบพลัน.......ทุกข์ล้วน ๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม ขึ้นรถได้ไม่กี่อึดใจก็หลับไปเพราะยาออกฤทธิ์
ถึงสายใต้ใหม่ตามกำหนดการที่วางเอาไว้
ไปถึงวัด เห็นหลวงพ่อเดินตรวจงาน ก็รีบเข้าไปกราบ เห็นหลวงพ่อแล้วใจมันชื้นขึ้นเยอะ
หลวงพ่อ : ทิดรัตน์ออกเดินทางตั้งแต่เมื่อไหร่
ทัดฤทธิ์: เมื่อวานขอรับหลวงพ่อ มารถทัวร์ขอรับ ลงสายใต้ใหม่แล้วก็เดินทางต่อกับคณะทิดตู่มาวัดเลยขอรับ
หลวงพ่อ: ไม่เหนื่อยแย่หรือ
เมตตาที่หลวงพ่อมีให้กระผมเสมอมา ทำให้รู้ตื้นตันใจยิ่งนัก
วันที่ ๑๙ ผมตื่นแต่เช้าตามปกติของผม คว้ากล้องส่องทางไกลไปสำรวจ "นก" รอบ ๆ ที่พัก เห็นระดับน้ำที่แม่น้ำลดลงไปเยอะ จนเห็นแนวพื้นทรายจึงตั้งใจลงไปเดินสำรวจตามแนวตลิ่งว่าจะเจอนกชนิดใดบ้าง
ยังไม่ทันจะตั้งตัวให้ดี มารู้ตัวอีกที่ร่วงลงไปนอนกับพื้นแล้ว แขนซ้ายฟาดกระทบบ่อซีเมนต์อย่างแรง ปวดร้าวไปถึงกระดองใจ เก็บอาการแทบไม่ไหว ค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมองไปที่ท้องแขน ทั้งเลือดทั้งรอยถลอกเป็นแนวยาว ค่อย ๆ กัดฟันพยุงตัวไปตรงแอ่งน้ำตื้น ๆ ค่อย ๆ เอามือวักน้ำ ล้างทำความสะอาดบาดแผล พลางคิดไปว่า "ท่านใดที่มาทวง งานนี้ถือว่าชดใช้ให้กันแล้วนะ" พิจารณาไปว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ค่อย ๆ เดินหน้าต่อ เห็นฝูงนกกระติ๊ดขี้หมู ค่อย ๆ จิกกินเมล็ดหญ้า พร้อม ๆ กับเสียงร้องของนกกระเต็นอกขาว ที่ดังออกมาจากแนวป่าทึบ เดินไปเดินมาได้ระยะหนึ่ง เห็นว่าสมควรแก่เวลา ที่ควรจะกลับไปเตรียมเนื้อเตรียมตัวไปวัดต่อไป
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 23-06-2010 เมื่อ 12:16
|