๗. “อย่าคิดว่าตนเองดีแล้วเป็นอันขาด ให้หมั่นโจทย์จิตเอาไว้ให้เสมอ ๆ เมื่อยามที่เกิดอารมณ์ว่านี่เลว นี่ชั่วไปเสียแล้ว ห้ามปรามอารมณ์ ข่มจิตเข้าไว้ให้รู้”
๘. “มีสติอยู่เสมอ ๆ ว่านี่ไม่ใช่หนทางจักไปพระนิพพาน” (ก็คิดว่าตัวเองได้พยายามห้ามแล้ว แต่บางขณะก็ยังยับยั้งอารมณ์ของจิตตนเองไม่อยู่)
๙. ทรงตรัสว่า “กรรมฐานแก้จริตยังอ่อนเกินไป อานาปานุสติหย่อนไป จิตจึงไม่มีกำลัง เจ้ามักจะเผลอลืมลมหายใจเข้า-ออกไปเป็นประจำ ก็เหมือนทหารรบแนวหน้าที่ทิ้งฐานกำลัง วิ่งออกไปเสี่ยงต่ออาวุธข้าศึกโจมตีตามลำพัง มีแต่ตายกับพิการเท่านั้นเป็นของกำนัล หาประสบกับชัยชนะต่อข้าศึกไม่ ฉันนี้ก็ฉันนั้น อานาปานุสติเป็นเกราะป้องกันข้าศึกโจมตีที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจักเป็นญาณหรือสมถะ วิปัสสนา ก็ต้องอาศัยการรู้ลมหายใจเข้า-ออก เป็นฐานกำลังทั้งสิ้น”
๑๐. “เพราะฉะนั้น จงหมั่นทรงอารมณ์อานาปานุสติให้ดี ๆ เพราะเป็นกำลังใหญ่ของการปฏิบัติธรรมทั้งหมด เอาละเมื่อเจ้าเข้าใจพอควรแล้ว ก็จงเพียรนำไปปฏิบัติให้เกิดผลด้วย”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2010 เมื่อ 13:39
|