| 
				  
 
			
			พระอาจารย์เล่าเรื่องการใช้ปัญญาแก้ปัญหา ให้ฟังว่า
 "คุณตัน ภาสกรนที  ที่ทำชาเขียวโออิชิ  นอกจากเป็นคนเก่งแล้วยังรู้จักประเมินตัวเองด้วย
 
 ช่วงที่โออิชิกำลังรุ่ง ๆ อยู่  คุณตันขายหุ้น  ขายแล้วมีพ่วงโปรโมชั่นด้วยว่า ใครซื้อไปเขาจะไปบริหารให้  เท่ากับตัวเองเก็บเงินสามพันล้านเอาไว้แล้วไปเป็นลูกจ้าง ไปบริหารให้เขาต่อ บริษัทจะเจ๊งหรือไม่ก็เป็นเรื่องของคนอื่นแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง เพราะรับเงินเดือนแล้ว
 
 สายตาเขายาวไกลมาก  เพราะเห็นจุดอิ่มตัวแล้ว  จะเห็นว่าตอนนี้ปั่นอย่างไรก็ฮือไม่ขึ้น  ก็ต้องไปประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างลาวหรือเขมร
 
 ตอนไปที่เขมร  เขาขายชาเขียวแถมตุ๊กตาหมีตัวหนึ่ง   วันแรกผ่านไปขายได้แค่ไม่กี่ขวด แต่คุณตันไปยืนดูอยู่  เขาเห็นว่าทุกคนที่ผ่านมาจะจับตุ๊กตาหมีดู แสดงว่าเขาอยากได้ตุ๊กตาหมี  เขาก็เลยเปลี่ยนใหม่  เป็นขายตุ๊กตาหมีแถมชาเขียว  คนเขมรก็ซื้อกันกระจายเลย  พอคนชิมชาเข้าไป เห็นว่าเข้าท่าเขาก็ไปซื้อกินกันเอง
 
 คนเราต้องปรับตัวให้ทัน ถ้าเป็นพวกเราทั้งวันลงไป ๓,๐๐๐- ๔,๐๐๐ ขวด ขายได้แค่ ๕ - ๖ ขวด ก็หน้ามืดแล้ว  แต่นี่เขาสังเกตดูว่าลูกค้าที่เข้ามา โดยเฉพาะผู้หญิงกับเด็กจะจับตุ๊กตาหมีมาพลิกซ้ายพลิกขวาดูกันทุกคน  เขาก็เลยเปลี่ยนใหม่เป็นขายตุ๊กตาหมีแถมชาเขียว
 
 
 นี่คือปัญญาในการแก้ไขปัญหา ต้องพลิกแพลงเอาไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ เราดูตัวอย่างของเขาแล้ว  ต้องเอามาดูตัวเราด้วยว่า ถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์อย่างนั้น เราจะเอามาแก้ไขอย่างไร
 
 ถ้าสามารถทำตรงจุดนี้ได้  เรื่องของการปฏิบัติธรรมก็ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ  เพราะว่าการปฏิบัติสำคัญที่สุดก็คือ ทำแล้วสามารถเอาไปใช้จริงได้  ส่วนใหญ่พวกเรารับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าไม่ทัน  ยิ่งเหตุการณ์ฉุกเฉินบางทีก็อึ้งไปเลย  อย่างเช่นพอเป็นลมขึ้นมาก็คิดอยู่อย่างเดียวว่าเราจะตาย   ให้นึกถึงพระก็ไม่เอาแล้ว"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2010 เมื่อ 03:01
 |