๗.	“เอ็งต้องแยกให้ถูก เรื่องของจิตหรือเรื่องของกาย จิตเกาะกายก็ต้องใช้กายคตา, อสุภะ มรณาและอุปสมานุสติ จิตเกาะอารมณ์เลวก็ต้องใช้อริยสัจ วิปัสสนาให้เห็นทุกข์ของอารมณ์นั้น ๆ อันจะส่งผลให้เอ็งต้องโคจรไปตามกรรมนั้น ๆ อีก มโนกรรมนี่แหละ เป็นตัวส่งผลให้เกิดภพตามชาติต่าง ๆ ระวังเอาไว้ให้ดี” 
 
๘.	“การระงับความคิดต้องใช้อานาปานุสติกรรมฐาน ทำจิตให้มีสติทรงตัว รู้เท่าทันความคิดหรือมโนกรรมนั้น ๆ” 
 
๙.	“แล้วเอ็งก็อย่าใจร้อน ความที่เอ็งใจร้อน ก็คือจิตที่ขาดสติ คือ ทิ้งอานาปาและมรณานุสติ เท่ากับประมาทนั่นแหละ  ขอให้คิดให้ดี ๆ ผลร้ายของความใจร้อนมันมีมาก ถ้าเกิดตายตอนนั้น เอ็งจะต้องเสียใจ เพราะกิเลสมารยังไม่หมดจากใจ เอ็งก็ต้องจุติไปตามอารมณ์ใจร้อนนั้น” 
 
๑๐.	“จำเรื่องหลวงปู่อี๋เตือนเรื่องความตาย ไม่กำหนดรู้เอาไว้ให้ดี ๆ ประเดี๋ยวเอ็งก็จะเหมือนขึ้นรถ ๒ แถว ที่ออกจากป้ายไปอย่างไม่ทันรู้ตัว ไม่รู้จุดหมายปลายทาง”
		 
		
		
		
		
		
		
		
		
	
	 |