ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 31-05-2010, 16:45
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 188,897 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. “ประการแรก คือ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง เท่ากับพรหมวิหาร ๔ ตัวต้น (เมตตา) เราจักต้องมีให้กับจิตและกายของตนเองก่อน มีเมตตาความรัก กรุณาความสงสาร มุทิตามีจิตอ่อนโยน มีอุเบกขา ที่จักไม่ยอมให้จิตตกเป็นทาสของกิเลส หรืออกุศลกรรมเข้าครอบงำ ชักชวนให้ละเมิดศีลทางกาย วาจา ใจ อันกระทำแล้วเกิดเป็นบาป นำจิตของตนให้ไปเสวยกรรมชั่วในอบายภูมิ ๔ อันมีสัตว์นรกเป็นต้น จำไว้นะ พรหมวิหาร ๔ ลำดับต้น จงมีให้กับจิตและกายของตนเองก่อน ประการที่ ๒ เมื่อพรหมวิหาร ๔ ประจำจิตของตนมั่นคงแล้ว ก็เท่ากับศีลรักษา ตัดสังโยชน์ ๓ ประการแรกเบื้องต้นได้ บุคคลผู้นั้นเป็นพระโสดาบัน

จึงมีสิทธิ์ที่จักแจกพรหมวิหาร ๔ ตามที่ตนได้แล้ว สงเคราะห์บุคคลอื่นตามสังโยชน์ ๓ กล่าวคือ แนะนำให้ผู้อื่นรักษาศีล โดยปรารภอานิสงส์ของศีลที่ตัดอบายภูมิ ๔ ได้ ดังนั้น พระโสดาบันจึงไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นละเมิดศีล ดังนี้เป็นประการที่ ๒

ประการที่ ๓ การไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้ว จักต้องมีอุเบกขาหรือสังขารุเบกขาญาณเป็นตัวคุม คือ บุคคลผู้นั้นจักต้องเข้าใจในกองสังขารทั้งปวง เข้าใจในกฎของกรรมในแต่ละบุคคล วางอารมณ์เห็นกฎของกรรมเป็นเรื่องปกติ เห็นในเหตุของกรรมนั้น ๆ จึงจักไม่ยินดีได้ เมื่อเห็นบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้ว ประการสุดท้ายนี้ หมายถึง ไม่ยินดียินร้าย แม้กระทั่งในมโนกรรม คือ ในความคิด” (ก็นึกถามว่า อารมณ์นี้มีได้แต่พระอรหันต์เท่านั้นใช่หรือไม่)

๕. ทรงตรัสว่า “ก็ต้องปฏิบัติได้ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป กรรมบถ ๑๐ เป็นข้อคุมการปฏิบัติศีลให้ละเอียดขึ้นตามลำดับ ระงับกายให้สงบ ทำตั้งแต่หยาบขึ้นไปจนถึงละเอียด อย่าคิดว่าจักทำเอาทีเดียวถึงขั้นละเอียดได้เลย” (ก็นึกว่าเป็นของทำได้ไม่ง่ายเลย)

๖. ทรงตรัสว่า “เมื่อรู้วาระจิตว่าเศร้าหมอง ก็ให้ตรวจดูการรักษาศีล ๓ ประการเยี่ยงนี้ไปตามลำดับ เห็นจิตขาดพรหมวิหาร ๔ ตัวต้น (เมตตา) คือ ไม่ได้ให้กับจิตและกายของตนเอง เจ้าก็จงหมั่นเจริญพรหมวิหาร ๔ ตัวต้นให้เต็มเถิด”

๗. “และต่อ ๆ ไป ถ้าหากเจ้าจักไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมชั่วของผู้ใด จักยินดียินร้ายก็ตาม จงหมั่นนึกถึงการไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้ว จงเตือนตนเองว่า พรหมวิหาร ๔ ประการ ข้อสุดท้ายบกพร่องไปเสียแล้ว จักได้ตัดใจระงับอารมณ์ยินดียินร้ายนั้นลงเสียได้” (เมื่อทรงตรัสถึงข้อนี้ ก็ทำให้เข้าใจว่า ที่ตนเองไปตื่นเต้นกับข่าวของใคร ๆ เขาที่ทำชั่ว ก็เพราะขาดพรหมวิหาร ๔ ข้อสุดท้ายนี่เอง ธรรมนี้ลึกซึ้งมาก และปฏิบัติให้จิตทรงตัวได้ยาก)

๘. “เจ้าหมั่นทบทวนพรหมวิหาร ๔ คู่กับการรักษาศีล ๓ ประการนี้ไปเนือง ๆ แล้วเจ้าจักเข้าใจ ในความลึกซึ้งยิ่ง ๆ ขึ้นไป มากยิ่งกว่าเวลานี้”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา