ในการจัดงานเป่ายันต์ครั้งแรกนั้น จัดทำที่ศาลา 'พระพินิจอักษร' ซึ่งเป็นศาลาใหม่ที่สุดในเวลานั้น ตั้งอยู่ขนานกับโบสถ์ ติดกับสระน้ำร้านอาหารโยมกิมกี พอถึงเวลาพิธี..ผู้คนไม่รู้มาจากไหนกัน แน่นขนัด.. เบียดเสียดเข้าประตูศาลาพระพินิจอักษร เป็นลมล้มกลางแถว ต้องอุ้มหนีเท้า.. คลื่นผู้คน..เป็นพัลวัน จัดเพียงรอบเดียวในตอนบ่าย เมื่อเสร็จพิธีเป่ายันต์ครั้งแรก ลูกหลานศิษยานุศิษย์พระคุณพ่อทั้งหลายต่างก็รอวันเสาร์ห้าหน้า อันเป็นวันเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งที่สองอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเหตุว่า..
พระคุณหลวงปู่ปาน และพระคุณพ่อได้พูดถึงอานิสงส์อานุภาพของยันต์เกราะเพชรไว้นานแล้ว ลูกหลานจำได้ติดตรึงใจว่า ต้องรักษาศีล ๒ ข้อ คือข้อไม่ลักทรัพย์ และข้อไม่ดื่มสุรา ต่อมาในสมัยพระคุณพ่อได้เพิ่มเป็นว่าต้องรักษาศีลได้ทั้ง ๕ ข้อ ยันต์จึงจะเข้าตัวจึงจะเป่ายันต์ติด ต่อไปถ้าไปผิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง.. ที่รักษาสัจจะเพื่อรับยันต์เกราะเพชรนั้น ยันต์ก็จะหลุดจะเสื่อมสภาพจากเกราะเพชรคุ้มกายนั้น ถ้าอยากได้ยันต์อีก ก็ต้องรักษาศีลเป็นสัจจะแล้วรอเสาร์ห้าต่อไป เมื่อเข้าไปรับยันต์ในพิธี ยันต์ก็จะเข้าตัวติดตัวได้อีก
อยากรู้อานุภาพยันต์เกราะเพชรไหมล่ะลูก!... สมัยหลวงปู่ปานท่านบอกว่า อานิสงส์ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ.. พิษร้ายทั้งหลาย ไม่ว่าจะงูพิษกัด ตะขาบกัด จะทำอันตรายไม่ได้ เมื่อถูกพิษทำร้ายแล้ว ก็จะวิ่งขึ้นมาได้แค่ข้อมือข้อเท้า หรือข้อต่อถัดจากแผลพิษนั้นเท่านั้น แล้วก็จะพลันวิ่งกลับสลายจากร่างกายไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งป้องกันไสยศาสตร์ คุณไสยได้โดยตรงอีกด้วย ส่วนอันตรายอื่น ๆ อีกนั้นก็คุ้มได้ไม่เกินกฎแห่งกรรมของแต่ละคน
(มีต่อ)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 23-09-2014 เมื่อ 22:05
|