เสียงพ่อทักดังชัดเจน
"สิงห์ดอกหรือลูก..เอ้อ..หายไปไหนมาหว่า มา..มา เข้ามานั่งใกล้ ๆ พ่อ" ท่านตบหัวลูบหลังหมาตัวโปรด
"เออ คนเก่งของพ่อเชียวนี่ เป็นนายยามใกล้ชิดตัวเดียวเลยละนี่ เอ้อ..นี่ ! ต้องเข้าใกล้กันจึงจะเก่งจึงจะดี เออ..นี่ละคนเก่ง เขาเป็นกันอย่างนี้ !"
โอยยย พูดไปก็ลูบหลังตบหัวหมาไป แต่เสียงท่านทำไมมันวิ่งดังเข้าไปกินแก้วหูเรา พูดจบก็เงยหน้ามามองทางเราพอดี
"อ้าว (เรียกชื่อหลวงตา) หรือ ไปไหนมาหว่า เออ อยู่กุฏิหลังไหนนี่"
"กุฏิ ๓ ครับผม" ตอบพลางไหว้เดินเข้ากุฏิดิ่งไม่ว่อกแว่ก กลัวท่านจะทักต่อ (กลัวทักต่อว่า เออ เข้ามานั่งใกล้ ๆ คนเก่งเชียวนี่ อะไรทำนองนี้)
วันนั้นจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเราเองนี่อยากเป็นหมา เป็นหมาของหลวงพ่อที่คอยให้พ่อปลอบทายทัก นี่ไม่ได้บังอาจพูดกระทบน้อง พี่ ครูอาจารย์ที่นั่งล้อมรอบสนองงานพ่อเป็นประจำ วาสนาบารมีหน้าที่อธิษฐานกันมาอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น นี่พูดเล่าถึงอารมณ์เลวของหลวงตาที่ไม่รู้จักวาสนา ไม่ใช้ปัญญาแต่ไปเทียบบารมีกับพี่น้องต่างหน้าที่ ก็ไปริษยามานะเอากับท่าน จนเสียเวลาทำความดีไปนานหลายปีนัก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทิดตู่ : 03-05-2009 เมื่อ 23:47
|