อาตมาน้อมกราบลงแทบพระบาทด้วยความปีติยินดีเหลือที่จะกล่าว นี่เป็นครั้งแรกที่สมเด็จองค์ปฐมเสด็จมาด้วยพระองค์เอง กราบทูลว่า “เกล้ากระผมประสงค์จะเข้าไปกราบหลวงพ่อพระมหามุนีอย่างใกล้ชิด และร่วมพิธีสรงน้ำพระพักตร์ด้วย ขอได้โปรดเมตตาด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า...” พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์น้อย ๆ ตรัสว่า “ได้ซิลูก...”
น้อมจิตกราบลงแทบพระบาทในพระมหากรุณาธิคุณ รู้สึกว่ามีมือมาสะกิดที่บ่า หันมาพบเจ้าหน้าที่ร่างสูงใหญ่ล่ำสันกินหมากปากแดง ถามเป็นภาษาพม่า อาตมาตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า “อาตมาเป็นพระไทย มากราบหลวงพ่อพระมหามุนีจ้ะ...” หนุ่มร่างยักษ์บอกเป็นภาษาไทยตะกุกตะกักว่า “ผมพอพูดไทยได้ครับ...”

ผู้คนมาถวายสักการบูชาหลวงพ่อพระมหามุนีกันแน่นขนัดทุกเช้า
สอบถามดูทราบว่าชื่อ “อาไข่” เคยไปทำงานอยู่เมืองไทยมาสามปี อาตมาถามว่าจะเข้าไปกราบหลวงพ่อพระมหามุนีถึงด้านใน และถ่ายรูปพิธีสรงน้ำพระพักตร์จะได้หรือไม่ ? อาไข่บอกว่าเดี๋ยวจะจัดการให้ แล้วขอตัวไปจัดตั้งคนโท ขันน้ำ สำหรับคนที่ทยอยกันมาได้ใส่น้ำหอมสำหรับสรงพระพักตร์ ประดับดอกไม้และไฟกระพริบอย่างสวยงาม...
พอเขาเปิดประตูออกเท่านั้น ญาติโยมที่มาอออยู่ก็เฮละโลกันเข้ามาแน่นไปทั้งวิหาร บ้างกราบไหว้ บ้างสวดมนต์ บ้างเอาดอกไม้ ถวายใส่ถาด บ้างเทน้ำหอมลงในขันที่เขาเตรียมเอาไว้ บ้างก็ซื้ออาหารมาอธิษฐานเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อเสียงระฆังดังระรัวขึ้น พระมหาเถระรูปหนึ่งเดินนำพราหมณ์ชุดขาวแปดท่าน มาพร้อมเครื่องมือสรงพระพักตร์...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-05-2010 เมื่อ 09:49
|