ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 18-05-2010, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,633
ได้ให้อนุโมทนา: 158,514
ได้รับอนุโมทนา 4,488,444 ครั้ง ใน 36,242 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default คุยกับคนอื่นแล้วเผลอขาดสติ

ช่วงที่ฝึกกรรมฐานใหม่ ๆ ด้วยความที่ระยะแรกตัวเองผิดพลาดล้มเหลวบ่อย เพราะเผลอปล่อยให้สติหลุด ก็เลยระมัดระวัง โดยเฉพาะการเสียเวลาไปพูดคุยกับคนอื่น

แรก ๆ ยังไม่คล่องตัวในการทรงอารมณ์ พอคุยกับเขาก็หลุดจากการภาวนา แล้วรัก โลภ โกรธ หลง ก็กินใจเรา ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งอยู่เป็นปี ๆ กว่าที่อารมณ์ใจจะทรงตัวในระยะนานได้

เนื่องจากได้รับบทเรียนในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้ระมัดระวัง เลยค่อนข้างจะเป็นคนเก็บตัว วัน ๆ นอกจากทำงานแล้วก็เอาแต่ภาวนา แทบจะไม่พูดจาปฏิสันถารกับใครเลย คราวนี้มีปัญหา ตอนที่มาทำงานให้หลวงพ่อท่านที่บ้านสายลม หลายคนเขามองว่าเราหยิ่ง ถามคำก็ตอบคำ ความจริงก็คือ กลัวว่าถ้าหากว่าหลุดแล้วจะโดนกิเลสเหยียบแบน จนกระทั่งมาเป็นครูสอนกรรมฐาน ก็มีปัญหาตรงที่ว่า พอลูกศิษย์ติดขัดตรงไหนจะมาถาม ก็เจอครูที่ถามคำตอบคำ ไม่ถามครูก็เฉย

คิดไปคิดมา เราเองปฏิบัติมา ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ก็ประมาณสิบปีแล้ว กำลังใจก็เรียกว่าพอทรงตัวได้ในระดับหนึ่ง ในเรื่องของมโนมยิทธิก็พอทำความเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ว่าคนที่เพิ่งมาศึกษาเขาไม่เข้าใจ ถ้าเรายังไม่พูดไม่คุยอยู่ เขาก็จะเสียประโยชน์ จึงตัดสินใจว่าเราต้องพูด

พอตัดสินใจก็ทำเลย เพราะเป็นคนไม่ชอบอะไรช้า เห็นคนอื่นเขาตั้งวงคุยกัน เราก็ลุยเข้าไปกลางวงเลย "ขออนุญาตคุยด้วยคนนะครับ" อย่างกับฟ้าผ่า..! ทุกคนอึ้งตะลึงไปตาม ๆ กัน แล้วในที่สุดคนแรกที่หลุดปากออกมา ก็คือป้าน้อย(กานดา) ป้าน้อยบอกว่า "ป้าคิดว่าชาตินี้แกจะไม่พูดกับใครแล้ว..!"

คราวนี้เข้ากับคนอื่นได้ แต่ก็มีผลเสียอีก พอคุยแล้วอดเผลอสติไม่ได้ ท้ายสุดกรรมฐานที่ทรงต่อเนื่องระยะยาวเป็นเดือน ๆ ก็พัง..! ต้องกลับไปฝึกซ้อมเรื่องของสมาธิใหม่

ทำอย่างไรที่เราจะแบ่งความรู้สึกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งอยู่กับสมาธิ อีกส่วนหนึ่งอยู่กับสิ่งที่เราทำเฉพาะหน้า ซ้อมอยู่เป็นปี กว่าที่จะทำอะไรไปด้วย พร้อมกับการภาวนาและจับภาพพระได้พร้อมกัน

นึกถึงเรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า คนเราไม่ควรกล่าววาจาอันเป็นเหตุให้ต้องเถียงกัน เพราะวาจาอันเป็นเหตุให้ต้องเถียงกันทำให้จำเป็นต้องพูดมาก บุคคลที่พูดมากจิตใจย่อมฟุ้งซ่าน บุคคลที่ฟุ้งซ่านย่อมห่างจากสมาธิ ชัดเลย..โดนกับตัวเองมาเต็ม ๆ ..!

ถ้าหากใครคิดจะเอาดีในการคุยด้วย และเอาดีในการปฏิบัติด้วย อย่างน้อยต้องแยกกำลังใจเป็นสองส่วน แล้วรักษาสองส่วนให้อยู่กับเราให้ได้ ไม่ใช่ไป ๆ มา ๆ ก็เหลืออยู่แค่ส่วนเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-05-2010 เมื่อ 10:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา