ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 10-05-2010, 11:32
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 188,897 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default การไม่ปรุงแต่งธรรม คือ การระงับเวทนา

การไม่ปรุงแต่งธรรม คือ การระงับเวทนา


เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ มิ.ย. ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตามาตรัสสอน เรื่องการไม่ปรุงแต่งธรรม คือ การระงับเวทนา ให้มีความสำคัญดังนี้

๑. “จงทำจิตให้ยอมรับเวทนาที่เกิดขึ้นกับร่างกายว่า เป็นของธรรมดา แล้วพยายามลดการยึดเกาะในเวทนานั้น ด้วยการระงับอาการของสังขาร คือ ไม่ปรุงแต่งธรรมนั้น ๆ นี่คือสัจธรรมของการมีร่างกาย เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมมีเจ็บ มีแก่ มีตายเป็นธรรมดา”

๒. “จงวางอารมณ์ให้สงบ ยอมรับธรรมล้วน ๆ ที่ไม่ปรุงแต่งนี้ เพราะเป็นสิ่งที่หลีกหนีกันไม่พ้น เมื่อมีการเกิดของร่างกายแล้ว”

๓. “จงกำหนดรู้เอาไว้ว่า นี่เป็นทุกข์ของการมีร่างกายอยู่เนื่อง ๆ พยายามทำจิตให้ยอมรับนับถือกฎของธรรมดา แยกจิตออกมา อย่าให้ทุกข์ตามไปด้วย พยายามทรงอารมณ์ของจิตไว้ให้เป็นสังขารุเบกขาญาณ แม้จักเป็นอย่างอ่อน ๆ ก็ควรจักพยายามซักซ้อมกันเอาไว้ อย่าให้จิตมีอารมณ์บ่น แม้แต่ในใจก็ใช้ไม่ได้ เพราะนั่นคือการเกิดอารมณ์ปฏิฆะ และเป็นการคัดค้านสัจธรรมที่ฝืนความเป็นจริงของร่างกาย”

๔. “ตั้งแต่นี้ต่อไป อาการสุขหรือทุกขเวทนา อันเกิดสืบเนื่องมาจากร่างกาย จักเป็นครูเข้ามาทดสอบจิตของเจ้าอยู่เนื่อง ๆ ขอให้เตรียมใจสอบกันให้ดี ๆ ถ้าลงธรรมดาไม่ได้ ก็ถือว่าไม่ผ่านข้อสอบ ดูอารมณ์กระทบให้ดี ๆ จักพอใจหรือไม่พอใจ ก็ใช้ไม่ได้ ต้องลงอุเบกขาญาณเข้าไว้ อาการสุขหรือทุกขเวทนานี้ ต้องนับเนื่องไปหมดทางอายตนะหก ขอให้ดูอารมณ์ของจิตเข้าไว้ให้ดี ๆ”

๕. “อนึ่ง การทบทวนธรรมะ (ธัมมวิจยะหรือธัมมวิจัย) ก็จงทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และให้สังเกตอารมณ์ของจิต ในขณะทบทวนธรรมะนั้นไปด้วย จักได้รู้จุดที่ทำให้อารมณ์ของจิตนั้นเคลื่อนไหวไปได้อย่างไรบ้าง ทำต่อไปก็แล้วกัน”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา