| 
				  
 
			
			พระอาจารย์เล่าว่า "ผู้ปกครองที่อยู่ในวรรณะกษัตริย์  บางที่เขาเรียกว่า กษัตริย์ อย่างมัลลกษัตริย์  บางที่เขาก็เรียกว่า ราชา อย่างพระเจ้าพิมพิสาร แต่พระเจ้าปเสนทิโกศลเขาเรียกว่า มหาราช พระราชาผู้เป็นใหญ่กว่าเมืองอื่น เพราะว่าแคว้นของท่านกว้างใหญ่ไพศาลมาก
 ทำไมกว่าพระพุทธเจ้าจะเข้าไปประกาศพระศาสนาในแคว้นโกศล  ต้องรอจนผ่านไปกว่าสิบพรรษา ? เพราะว่าแคว้นโกศลปกครองกรุงกบิลพัสดุ์อยู่ แล้วคำทำนายที่บอกว่าพระพุทธเจ้าจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิก็ต้องได้ยินเต็มสองพระกรรณของพระเจ้าปเสนทิโกศล  ถ้าในตอนแรกพระพุทธเจ้าเข้าไปแคว้นโกศล อาจจะได้นอนคุกยาวหรือไม่ก็อาจถึงตาย
 
 ฉะนั้น..ต้องแสดงให้เห็นก่อนว่า สิ่งที่ท่านสอนมามีผลจริง ก็เลยใช้วิธีเมืองเล็กล้อมเมืองใหญ่  จะว่าเมืองเล็กล้อมเมืองใหญ่ก็ไม่ใช่  เพราะมคธก็เป็นเมืองมีขนาดใกล้เคียงกับโกศล  แต่ว่าพระเจ้าพิมพิสารอยู่ในลักษณะของผู้ใหญ่ใจดี ถึงเวลาจะแบ่งราชสมบัติให้ครึ่งหนึ่งด้วย ในเมื่อโปรดพระเจ้าพิมพิสารได้ก็ถือว่ามีเกราะป้องกัน อย่างน้อย ๆ พอจะไปแสดงหลักธรรมที่เมืองอื่น คนก็ต้องเกรงใจบ้าง
 
 พอพระเจ้าพิมพิสารประกาศตนเป็นพุทธมามกะแล้ว พระพุทธเจ้าก็เสด็จไปวังสะ  วัชชี มัลละ  ฯลฯ จนกระทั่งผ่านไป ๑๔ พรรษา จึงได้บรรดาเศรษฐีต่าง ๆ มาเป็นสาวกมากมาย คนยุคไหนสมัยไหนก็เกรงใจคนรวย  ตอนนั้นได้เมณฑกเศรษฐี   ธนัญชัยเศรษฐี  นางวิสาขามหาอุบาสิกา  ตระกูลมิคารเศรษฐี  ราชคหเศรษฐี    สุทัตตเศรษฐีหรืออนาถปิณฑิกเศรษฐี กำลังหนุนขนาดนี้คงไม่มีใครกล้าทำอะไร พระองค์จึงได้เข้าไปที่เมืองโกศล
 
 ความจริงไปแล้วเขาไม่กล้าทำอะไรท่านหรอก  ถึงทำก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว  แต่ใครจะไปมั่นใจว่าบรรดาสาวกต่าง ๆ จะเดือดร้อนไหม ? จึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา  และที่แน่นอนพระองค์รู้ว่าวาระไหนเหมาะสมที่สุด   รอจน  ๑๔  พรรษาจึงเข้าไปที่แคว้นโกศล  แล้วจึงสามารถเอาแคว้นโกศลเข้ามาอยู่ใต้ร่มบารมีของท่านได้  เท่ากับว่าปลดแอกให้กบิลพัสดุ์ไปเลย กลายเป็นกบิลพัสดุ์ทำให้แคว้นโกศลมาขึ้นกับพระพุทธเจ้า"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 |