ดูนก ภาคสอง (บ่นไปตามเรื่อง)
คุณ ๆ รู้หรือเปล่าครับว่า กระผมแก้ปัญหาอย่างไร แขกได้ดูนกแต้วแล้วธรรมดาจริง ๆ คาตากันเลย แต่ผมก็ยังงงว่า สายตาฝรั่งไม่ดีเท่าสายตาคนไทยหรืออย่างไร นกยืดอกให้ถ่ายภาพ พี่แกยังมองไม่เห็น อธิบายตำแหน่งกันอยู่นานจน นกบินไปแล้ว......เวร! ผมเองไม่ใช่ผู้ที่ชำนาญการเป็นพิเศษอะไร อาศัย "ใจกล้า หน้าด้าน" เท่านั้นครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ กระผมขอบารมีพระท่านช่วยตลอด ในแต่ละพื้นที่ที่ทำงานก็พยายามจับภาพพระให้พอเบา ๆ เอาสบาย ๆ ในจิต ถือเป็นการทำกรรมฐานแบบลืมตาครับ แล้วก็อุทิศบุญถวายเทวดา และขอบารมีเทวดาท่าน ให้ท่านช่วยให้ท่านสงเคราะห์ งานนี้ตื่นตั้งแต่ตีสี่แทบทุกวัน เพราะต้องออกดูนก กันตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งแต่หกโมงเช้า ไล่ไปจนสิบเอ็ดนาฬิกา จึงตั้งใจทำกรรมฐานก่อนออกไปทำงานทุกครั้งครับ ส่วนวัตถุมงคลนั้น พกไปเต็มอัตราศึก เพราะไปอยู่ในพื้นที่ต่างศาสนา งานนี้ไม่ประมาทเป็นดีที่สุด หลังกรรมฐานทุกครั้งก็ ตั้งใจอุทิศให้ก็เหล่าเทวดาและความเป็นทิพย์ในบริเวณนั้น ๆ แต่เท่าที่กระผมเดินป่าเข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ มานั้น ต้องขอบอกว่า "บึงลับแล" เป็นสถานที่ ที่สัมผัสถึงความเป็นทิพย์ของเทวดา รุกขเทวดา ได้มากที่สุดเท่าที่กระผมเคยสัมผัสได้มา (อันนี้เป็นความคิดเป็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณครับ อย่าใช้ "ยานโตงเตง" แบบกระผม.....

)
เจอฝรั่งด่าเป็นชุดเหมือนกันครับ เวลาเขาไม่เห็นนกที่เขาต้องการ แต่วันไหนที่เขาเจอนก ที่เขาประทับใจ เขาก็ชม...เวร! ผมเองก็แทบจะประทับทรงหลายต่อหลายครั้งเช่นกัน กะว่าจะทรง "นายขนมต้ม" ครับ นี้แหละครับ ด้วยความพยายามและด้วยการข่มจิตข่มใจด้วยธรรมะ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ค่อย ๆ บรรเทาลงอย่างมีสติ
ผมพาลงเรือแคนนู ไปดูนกบริเวณ คลองสก ตั้งแต่เช้าตรู่ สองวัน ด้วยความสวยงามขอธรรมชาติยามเช้า สายน้ำไหลเอื่อย ๆ หมอกจาง ๆ และควัน ตัดกับทิวเขาหินปูนรูปทรงประหลาด เสียงนก เสียงชะนี ร้องกันระงม ธรรมชาติบ้านเราที่ยังดีก็มีอยู่ แต่น่าเสียดายที่เสียหายไปก็มาก............
"มีสติกับขาดสติ มันอยู่ห่างกันนิดเดียวเท่านั้นครับ" เท่าแต่ว่าเราจะเลือกอยู่ทางด้านไหนครับ