เรื่องจิตไม่สงบ เพราะเกาะติดทุกข์-สุข
เรื่องจิตไม่สงบ เพราะเกาะติดทุกข์-สุข
จากนั้นสมเด็จองค์ปฐม ได้ทรงพระเมตตามาสอนเพื่อนที่ร่วมปฏิบัติธรรมของผมต่อ ในวันที่ ๒๕ กพ. ๒๕๓๖ ขณะไปปฏิบัติพระกรรมฐานที่วิหาร ๑๐๐ เมตร เรื่องจิตไม่สงบ เพราะเกาะติดทุกข์-สุข มีความสำคัญดังนี้
๑. เจ้าไม่ต้องห่วงว่าอิทธิพลคุณไสย จะมีอำนาจเข้ามาก่อกวนในวิหาร ๑๐๐ เมตร ตถาคตคุมอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา คือ พุทโธอัปปมาโณ
๒. ต่อไปนี้ขอให้เจ้า หมั่นดูอารมณ์ของตนเอง อย่าไปมองดู ไม่พอใจ ก็ต้องสังเกตที่จุดนี้ กำหนดสติสัมปชัญญะ รู้ให้ได้ว่าขณะนี้กำลังเสวยอารมณ์อะไรอยู่ เมื่อเรียนรู้อารมณ์ที่เสวยแล้ว ก็ต้องหมั่นเอาพระกรรมฐานเข้ามาแก้อารมณ์ที่เป็นพิษนั้น ๆ
จิตไร้ความสงบ เพราะอารมณ์ของจิตดิ้นรนเกาะติดทุกข์-สุข ถ้าหากศึกษาไม่ถ่องแท้แล้ว ก็จักแก้ไขจุดนี้ได้ยาก ต้องรู้จริงกระทบจริงด้วยสติสัมปชัญญะที่ว่องไว อันตามรู้ว่ากิเลสใดได้เกิดขึ้นแล้วในขณะจิตนั้น ถ้าไม่รู้ก็แก้ไขไม่ได้ ต้องหลงปล่อยให้จิตเป็นทาสของอารมณ์อยู่ร่ำไป อย่าท้อแท้ พลั้งบ้างเผลอบ้างเป็นธรรมดา หมั่นเพียรดูจิตเสวยอารมณ์อยู่เสมอ ๆ เริ่มปฏิบัติแรก ๆ มันก็ยุ่งยากหนักใจบ้างเป็นธรรมดา แต่กำหนดรู้ไปนาน ๆ ก็จักเกิดความเคยชินเอง
๓. ความทุกข์ใด ๆ จักยิ่งไปกว่าอารมณ์จิตของตนเองทำร้ายตนเองนั่นไม่มี การไปพรหมโลก เทวโลก ติดสุขด้วยอารมณ์นี้ การไปอบายภูมิ ๔ อันมีสัตว์นรกเป็นต้น ติดทุกข์ก็ด้วยอารมณ์จิตนี้ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องการจะพ้นทุกข์ก็ต้องหมั่นศึกษาอารมณ์ระงับสุข ระงับทุกข์ ให้เห็นเป็นตัวธรรมดา อันหาสาระแก่นสารไม่ได้ หมั่นคิดพิจารณา หมั่นปลด หมั่นละอารมณ์จิตที่สร้างทุกข์ สร้างสุขลม ๆ แล้ง ๆ อยู่นี้ให้คลายไปจากจิต และหมั่นสร้างอารมณ์สังขารุเบกขาญาณให้เกิด เห็นการเสวยอารมณ์สุข-ทุกข์ ว่าไม่เป็นเรื่อง เพราะเป็นอารมณ์แสวงหาความเกิด เราจักไม่ต้องการ เราต้องการจุดเดียวคือแดนนิพพาน อันดวงจิตไม่ต้องเคลื่อนและไม่ต้องจุติยังแดนต่าง ๆ อีก นิพพานัง ปรมัง สุขัง นะลูก
|