มีหลวงพ่อรูปหนึ่งเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี ท่านเป็นบุคคลที่เก็บสังฆทานทุกชิ้นยัดไว้ในห้อง ท้ายที่สุดก็ไม่มีที่นอน ต้องออกมานอนเลี้ยงยุงนอกห้อง จะสมน้ำหน้าท่านก็ใช่ที่ ก็ในเมื่อท่านหวง ไม่ยอมแบ่งไม่ยอมปันใครเลย ก็ปล่อยให้ท่านนอนเลี้ยงยุงของท่านไปก็แล้วกัน
ดังนั้น...เรื่องพวกนี้เป็นการฝึกตนของเราอย่างหนึ่ง ว่าสามารถตัดรัก โลภ โกรธ หลง อย่างไรได้บ้าง ไม่ใช่อวดร่ำอวดรวย มีเท่าไรให้เขาได้ แต่ทุกครั้งที่ให้ก็คือต้องสังเกตใจของเราว่ามีความตระหนี่ถี่เหนียวหรือไม่ ให้ด้วยเมตตากรุณาแล้ว ถึงเวลาวางอุเบกขาได้หรือไม่ ไม่ใช่ให้แล้วก็ยังตามไปดู ตามไปจับ ตามไปจ้อง ว่าเขาใช้ของเราหรือเปล่า
กระผม/อาตมภาพเจอมามากต่อมากแล้ว ถึงเวลาถามว่า "ถวายข้าวของชนิดนั้นไป หลวงพ่อยังใช้อยู่หรือเปล่า ?" "อ๋อ..ไม่ทันได้ใช้ ให้เขาไปแล้ว" คุณจะไม่ศรัทธา เลิกถวาย กระผม/อาตมภาพก็ดีใจ กูจะได้ไม่ต้องรับมาให้รกกุฏิ
ดังนั้น เรื่องทั้งหลายที่พูดมาในวันนี้ก็คือพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ของเรา ต้องจัดการกับกิเลสในใจของตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยเฉพาะพยายามเคร่งครัดในส่วนของวินัย ก็คือศีลพระเอาไว้ เนื่องเพราะว่าในเบื้องต้น เราจะเป็นพระภิกษุสามเณรหรือไม่อยู่ที่ศีลเท่านั้น ศีลบกพร่อง ความเป็นพระภิกษุสามเณรก็ลดน้อยถอยลง ถ้าไปเจออาบัติหนักเข้า ก็อาจจะขาดความเป็นพระภิกษุสามเณรไปเลย
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราท่านต้องตระหนักด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอครูบาอาจารย์ พระพี่เลี้ยง หรือว่าเพื่อนฝูงมาจ้ำจี้จ้ำไชให้ คนรักที่จะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะต้องไม่เบื่อไม่หน่ายในการขัดเกลาตัวเองด้วยประการทั้งปวง ไม่อย่างนั้นแล้วอยู่ไปก็ขาดทุนไปตลอดเวลา ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ไปทำอะไร
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|