แต่ว่าในส่วนที่ท่านกล่าวมีหลายอย่างที่ตลกแต่หัวเราะไม่ออก ก็คือที่ท่านปรารภว่าผู้อำนวยการโรงเรียนบ้าง ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานบ้าง หรือแม้กระทั่งอธิบดีกรมวิชาการ แต่ละคนเหมือนอย่างกับมาว่ากินตำแหน่งเพื่อให้ผ่านงานเท่านั้น ๖ เดือน ๑ ปีก็ชิงย้ายกันหมดแล้ว
โดยเฉพาะในส่วนของอำเภอทองผาภูมิ ท่านบอกว่า "แล้วอย่างนี้งานของผมจะต่อเนื่องได้อย่างไร ในเมื่อคนใหม่มาก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย" ก็เป็นเรื่องจริงของท่าน แล้วขณะเดียวกัน การของบประมาณ ทางด้านกรมอาชีวะศึกษาก็ไม่ได้คิดให้รอบคอบ เนื่องเพราะว่าอาคารแต่ละอย่างเขาจะมีแบบที่แน่นอนตายตัวอยู่ ก็จะมีราคากลางว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าไรในการก่อสร้าง แต่ท่านบอกว่าพวกคุณไม่ได้ดูว่าพื้นที่นี้คือที่ไหน
ตัวแทนของท่านอธิบดีกรมอาชีวะศึกษาก็ยังงง ๆ อยู่ กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องเรียนท่านไปว่า สมัยที่กระผม/อาตมภาพสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ตอนนั้นถ้าวัสดุก่อสร้างขึ้นสังขละบุรี ทรายหยาบคันละ ๓,๐๐๐ บาท แต่ค่าบรรทุกคันละ ๗,๐๐๐ บาท เนื่องเพราะว่าถนนหนทางไปยากมาก ต้องเป็นรถใหญ่สองเพลาเท่านั้น ถึงจะขึ้นสังขละบุรีได้
ทองผาภูมิในยุคนั้นก็ไม่ต่างกัน เพราะอย่างทางเข้าสหกรณ์นิคมตรงไปสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี มีแต่ปลักควายตั้งแต่ปากทางเข้าไปยันโน่น...พื้นที่ของเหมืองสองท่อ เนื่องเพราะว่าทางเหมืองมีงบประมาณมาก แล้วอีกอย่างหนึ่งเขาระเบิดหินอยู่ตลอดเวลา เขาก็เลยเอาหินมาถม จนกระทั่งรถแร่หนักเท่าไรวิ่งก็ไม่ทรุดไม่ยุบ แต่พอพ้นเขตออกมาก็เป็นปลักควายตลอดทาง
กระผม/อาตมภาพสั่งวัสดุก่อสร้าง ๑ คันรถ เขาคิดค่าบรรทุก ๖,๐๐๐ บาท ในยุคนั้นทองคำบาทละ ๔,๒๕๐ บาท ค่าบรรทุกวัสดุเที่ยวละ ๖,๐๐๐ บาท กระผม/อาตมภาพจึงต้องรอรวมวัสดุให้ได้ใกล้เคียง ๑๘ ตัน แล้วถึงจะสั่งทีหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็จะไม่คุ้มกับค่ารถค่าขนส่ง
ท่านองคมนตรีบ่นว่าพวกคุณให้งบประมาณเท่ากับสร้างในกรุงเทพฯ ในนนทบุรี แล้วรู้ไหมว่าที่นี่ค่าขนส่งมันเท่าไร ? ผมเองไปสร้างหอพักให้โรงเรียนห้วยเสือ ค่าขนส่งแพงกว่าค่าวัสดุไปเท่าครึ่ง ท่านก็บอกทางโรงเรียนห้วยเสือว่า "ถ้าเชื่อผมก็ทำไป เดี๋ยวผมจะหาเงินมาให้" แล้วการประชุมครั้งก่อนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ท่านก็ปรารภกับกระผม/อาตมภาพว่า "คงต้องขอเงินหลวงพ่อเล็กเพิ่มอีกแล้ว" ก็เลยเรียนท่านไปบอกว่า "อ๋อ ยุคนี้เขาไม่ให้พระมีเงิน...!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|