ทางด้านท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) ก็ศึกษาวิชาการเหล่านี้เอาไว้ แล้วก็ระบุชัดเจนว่า "ครูบาอาจารย์บอกว่า ในพิธีสถาปนาพระพิชัยสงคราม จะขาดหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนไปไม่ได้" ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็เห็นว่าด้วยสาเหตุ ๒ ประการ
ประการแรก ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเคยบอกกล่าวเอาไว้ คือ กระผม/อาตมภาพนั้นเป็นทหารมาทุกชาติ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมคุ้นเคยกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นที่สุด
ประการที่สองก็คือ ในเรื่องของสมาธิสมาบัติที่จะต้องช่วยอธิษฐานจิต เพื่อที่จะขอบารมีพระ ตลอดจนพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ท่านให้อนุเคราะห์สงเคราะห์ เป็นสิ่งที่เขาเห็นกันว่ากระผม/อาตมภาพชำนาญในด้านนี้อยู่บ้าง
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วันนี้จึงต้องไปร่วมพิธี ซึ่งถ้าหากว่าขาดกระผม/อาตมภาพไป ตามที่เขาบอกกล่าวกันก็คือ "จะไม่สมบูรณ์" แต่ว่ากระผม/อาตมภาพก็ได้ทำแค่ในส่วนของการบวงสรวง บูชาพระรัตนตรัย เจิมและจุดเทียนชัย แล้วกราบขอบารมีพระ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ให้ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ในการสถาปนาพระพิชัยสงครามรุ่นนี้ด้วย แล้วก็อธิษฐานจิตภาวนา ซึ่งว่ากันตามกำลังวัน ซึ่งก็คือวันอังคาร มีกำลังเท่ากับ ๘
เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย รับไทยธรรมแล้วกระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางกลับ เนื่องเพราะว่าสภาพร่างกายไม่ค่อยอำนวย อยู่ประเทศอินเดีย เนปาล ๗ - ๘ วัน ไม่เป็นอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ฝุ่นในระดับต่ำ ๆ ก็ ๑๘๐ ขึ้นไป พูดง่าย ๆ ว่า สามารถที่จะหายใจเข้าไปแล้วติดคอตายได้เลย..! แต่พอกลับมาเมืองไทย ดันมาไอค็อกไอแค็กเสียนี่ ถ้าหากไม่ใช่ว่าเข้าสมาธิในการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ท่านทั้งหลายก็จะได้ยินเสียงกระผม/อาตมภาพไอแล้วอย่างแน่นอน..!
ต้องเจริญพรขอบพระคุณ "มหามาตา" และ"เจ้าแม่นภิสราเทวี" ตลอดจนกระทั่งบริวารทุกท่าน ที่ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ ประคับประคองคณะของเราให้อยู่รอดปลอดภัย จนกลับเมืองไทยแล้วค่อยมาป่วยกันทีหลัง ซึ่งเรื่องนี้จะว่าท่านก็ไม่ได้ เพราะว่าอยู่ในเขตของท่าน ท่านก็สงเคราะห์ได้ พออยู่นอกเขต ท่านก็ไม่สามารถที่จะยื่นมือเข้ามายุ่งกับสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตนอีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:01
|