เมื่อเข้าไป ก็ได้คุยกับพรรคพวกเพื่อนฝูงหลายต่อหลายคน ทางด้านทิดดอย (นายภาณุพงศ์ วังประภา) ตรวจสอบแล้วแจ้งว่าเครื่องดีเลย์จากกรุงเทพฯ ๓๐ นาที แต่เจ้าแม่นภิสราเทวี ซึ่งถ้าเรียกแค่ "เจ้าแม่นภิสรา" ปรากฏว่ามีคนพูดไม่ชัดเรียกเป็น "เจ้าแม่น้ำพริกสละ" มาแล้ว ท่านยืนยันว่าไม่ต้องกังวล เครื่องมาถึงตามปกติและกลับได้ตามปกติ..!
เนื่องเพราะว่าฤดูนี้ ส่วนใหญ่ถ้ามาถึงแล้วทัศนวิสัยปิด หมอกปกคลุมไปทั้งสนามบิน เครื่องก็จะลงไม่ได้ ปรากฏว่าเครื่องของเราลงได้ แล้วพวกเราก็ผ่านการตรวจตั๋วเพื่อที่จะขึ้นไปข้างใน โดยที่เขาเรียกพระขึ้นก่อน เมื่อนั่งเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วทุกคน ปรากฏว่าเครื่องออกก่อนเวลา ๕ นาที..! เจ้าแม่แกทำได้จริง ๆ แถมยังทำหน้าทะเล้นโบกมือ "บ๊ายบาย" ให้เสียด้วย..!
เมื่อเครื่องวิ่งออกมา กระผม/อาตมภาพก็หลับตาภาวนาอุทิศส่วนกุศล และขอบคุณขอบใจทุกท่านที่ช่วยเหลืออนุเคราะห์สงเคราะห์ทั้งขามาและขากลับ ปรากฏว่าทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) สะกิด "หลวงพ่อครับ ไม่อยากรบกวน แต่นั่นน่าจะเป็นเทือกเขาหิมาลัยครับ" เมื่อกระผม/อาตมภาพมองไปก็ยืนยันว่าใช่เลย เพราะผ่าน North Face พอดี จึงได้ทำการถ่ายรูปไปหลายรูป
รอจนกระทั่งถ่ายรูปยอดเขาไกรลาศแล้ว ถึงได้กลับไปเข้าสมาธิต่อ มารู้ทีหลังว่าหลายต่อหลายคนถ่ายแล้วพยายามส่งรูปลงกลุ่มไลน์ แต่เนื่องจากว่าฝีมือไม่ถึง เพราะว่ามือไม่นิ่ง รูปจึงค่อนบ้างเบลอบ้าง ติดปีกเครื่องบินบ้าง กระผม/อาตมภาพจึงต้องส่งรูปของตัวเองลงไปให้ทุกคนดูแทน
ที่น่าอัศจรรย์ก็คือเครื่องของเรามาลงที่สนามบินนานาชาติดอนเมืองก่อนเวลา ๒๕ นาที..! เจ้าแม่แกสุดยอดตรงนี้เอง ไม่เชื่อก็ไม่ได้..! เมื่อพวกเราประทับตราพาสปอร์ตเข้าเมืองแล้ว ก็มารอรับกระเป๋า กระผม/อาตมภาพนอกจากรับกระเป๋าแล้ว ยังต้องรับปัจจัยสารพัดที่หลายต่อหลายคนควักกระเป๋าทำบุญส่งท้าย บางคนถึงขนาดประกาศว่าถวายหมดตัวเลย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้องเดินกลับบ้านหรือเปล่า !?
จากนั้นกระผม/อาตมภาพ น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) และไอ้อ้วน (นางสาวดวงฤทัย ตั้งวรกุลกิจ) ก็ต้องขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น ๓ เพราะว่าทิดรอย (นายณพจน์ วิไลรัตน์ ) นำรถมารอรับอยู่ที่นั่น วิ่งฝ่ารถติดเล็กน้อย ไปจนถึงวัดอุทยานซึ่งเป็นที่พักคืนนี้ กระผม/อาตมภาพเองเมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว จึงรีบมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน หลังจากนี้ก็จะฉันยาและนอนสลบไสลแล้ว
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:38
|