พวกเราทำบุญกันเสร็จเรียบร้อยก็ตรงมาขึ้นรถ ปรากฏว่าพลขับยังเช็ดรถไม่ทันจะเสร็จดี แต่ก็รีบเปิดรถให้พวกเราเข้าไปนั่งข้างใน เมื่อเข้ามาถึงข้างในจึงได้รู้สึกว่าอากาศข้างนอกนั้นความจริงแล้วหนาว แต่เป็นอากาศหนาวแบบสดชื่นมาก เนื่องเพราะว่าหมอกหนักและจับตัวตกลงมาเหมือนอย่างกับเม็ดฝน ทำให้นึกถึงบาลีที่กล่าวถึง "สิสิรฤดู" ก็คือฤดูที่น้ำค้างตกหนัก ซึ่งได้มาเห็นของจริงที่นี่เอง แสดงว่าทางด้านอินเดียเนปาลนี้ยังไม่เข้าฤดูหนาว หากแต่เป็นสิสิรฤดู ก็คือฤดูที่น้ำค้างตกหนักเท่านั้น
เมื่อพวกเรามาพร้อมกันแล้ว ประมาณ ๐๗.๐๕ น. ก็วิ่งตรงไปยังเมืองโบราณกบิลพัสดุ์ พวกเราได้ทำวัตรเช้าพร้อมกับอุทิศส่วนกุศลให้ "เจ้าแม่น้ำพริกสละ" และบรรดาบริวารที่แห่แหนติดตามดูแลกันเป็นจำนวนมากมาย พวกเรามาถึงทางด้านเมืองโบราณกบิลพัสดุ์ ปรากฏว่าไปเจอคณะของพระครูปลัดเลิศกมลชัย ธมฺมสโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อเจ้าคุณแก้ว - พระราชวชิรสุตาภรณ์ (พนม รตนาโภ) เจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านก็พาญาติโยมมาเหมือนกัน
พวกเราเดินตามทางที่เขาบูรณะให้เป็นทางเดินบริเวณเมืองโบราณกบิลพัสดุ์ เข้าไปอยู่ตรงบริเวณปราสาทของพระเจ้าพระเจ้าสุทโธทนะ แล้วก็ฟังท่านอาจารย์พระครูธรรมธรวรัญญู อคฺควชิโร, ดร. พระธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล บรรยาย จากนั้นก็ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน แล้วเดินลึกเข้าไปทางด้านใน ซึ่งเป็นประตูออกจากเมือง ที่เจ้าชายสิทธัตถะ ม้ากัณฐกะ และนายฉันนะ ออกมหาภิเนษกรมณ์ทางด้านประตูนั้น
เมื่อฟังบรรยายและถ่ายรูปกันเรียบร้อยแล้ว ท่านพระครูธรรมธรวรัญญู, ดร. ก็พาไปดูสระโบกขรณี ซึ่งทางด้านพระเจ้าสุทโธทนะสั่งให้ขุด เพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งของความรื่นรมย์ ที่ช่วยดึงให้สิทธัตถราชกุมารจมอยู่กับทางโลก แต่ปรากฏว่าสังเกตดูแล้วมีบัวแค่ ๒ ตระกูล ไม่ครบ ๓ ตระกูล ก็คือบัวทั้ง ๓ ตระกูลนั้น ประกอบไปด้วย
๑) บัวหลวง ซึ่งเป็นบัวก้านแข็ง ชูช่อและใบเหนือน้ำขึ้นมา ถ้าแบบสีขาวเรียกว่าปุณฑริกา ถ้าแบบสีแดงเรียกว่าปัทมา
๒) บัวสาย เป็นบัวที่บานเสมอน้ำ ดอกใหญ่ ถ้าเป็นสีแดง เรียกว่าสัตตบุษย์ หรือว่าสัตตบรรณ ถ้าเป็นสีขาวเรียกว่าโกมุทหรือว่ากมุท
๓) ตระกูลบัวผัน บัวเผื่อน เป็นบัวปริ่มน้ำ ดอกเล็ก ถ้าเป็นสีเหลืองเรียกว่าจงกลนี ถ้าเป็นสีน้ำเงินเรียกว่านิลุบล หรือว่านิโลตบล บางคนเรียกง่าย ๆ ว่า "บัวขาบ"
ปรากฏว่าในที่นี้ไม่มีตระกูลบัวสาย ไม่ว่าจะเป็นโกมุทหรือว่าเป็นสัตตบุษย์ก็ตาม แสดงว่าโดนเก็บเอาไปขายเพื่อที่จะให้บูชาพุทธสถานต่าง ๆ จนหมดเกลี้ยง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เผือกน้อย : วันนี้ เมื่อ 06:17
|