แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ทุกคนไม่รู้ว่าสิ่งที่เหมือนกับแท่นกลม ๆ ทางด้านข้างนั้น ก็คือสถูปบรรจุอัฐิพระสีวลี พระอรหันต์ผู้เป็นเอตทัคคะทางผู้มีลาภมาก เมื่อกระผม/อาตมภาพบอกกล่าวไป ทุกคนที่วางของเอาไว้บนนั้นก็ตกใจ รีบหยิบออกกันเป็นการใหญ่ ท่านพระครูใบฎีกาจำนงค์ก็เลยทิ้งคณะ วิ่งมาร่วมกับพวกเราสวดมนต์ถวายสักการะ และปิดทองสถูปบรรจุอัฐิพระสีวลีด้วย
ครั้นเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินอ้อมทางด้านหลัง เพื่อที่จะดูความกว้างขวางใหญ่โตของเชตวันมหาวิหาร ซึ่งถ้าหากว่าเป็นสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ก็มีพื้นที่ถึง ๓,๐๐๐ ไร่ แต่ว่าตอนนี้เล็กลงไปมากแล้ว
เมื่อกลับมาขึ้นรถแล้ว วิ่งต่อไปเพียงเล็กน้อย ก็ถึงเรือนของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีใจบุญ ผู้เป็นเอตทัคคะบุคคลทางอุบาสกผู้เลิศในการถวายทาน ซึ่งท่านได้ซื้อที่ดินสำหรับสร้างวัดเชตวันมหาวิหารไปถึง ๑๘ โกฏิ ทำการสร้างอาคารต่าง ๆ โดยเฉพาะมหาคันธกุฎี ถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปอีก ๑๘ โกฏิ จัดการฉลองด้วยการถวายทานต่อพระภิกษุสงฆ์ มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน หมดไปอีก ๑๘ โกฏิ พวกเราจึงมาเพื่อที่จะอนุโมทนากับท่านมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ
ครั้นพวกเราได้รับฟังประวัติและอนุโมทนากับท่านแล้ว ก็ได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปยังซากอาคารอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นของท่านปุโรหิตาจารย์ ผู้เป็นบิดาของพระองคุลิมาลเถระ แต่พวกเราไม่ได้สนใจอาคารแห่งนั้น หากแต่ว่าบริเวณด้านข้างอาคาร มีสถูปบรรจุอัฐิของพระองคุลิมาลเถระ ซึ่งเป็นสุดยอดของตัวอย่างในการกลับร้ายกลายเป็นดีของอุปฆาตกรรม
ก็คืออุปฆาตกรรมนั้นมีทั้งฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศล ถ้าฝ่ายอกุศลเข้า จากคนดี ๆ ก็อาจจะเป็นคนร้ายไปได้ แต่ถ้าฝ่ายกุศลเข้ามา ต่อให้คนที่ร้ายสุด ๆ อย่างองคุลิมาลโจร ก็กลับกลายมาบวช จนกลายเป็นพระอรหันต์ เป็นพระองคุลิมาลเถระ ที่ใคร ๆ ก็ชื่นชมว่าท่านสามารถกลับตัวได้ถึงขนาดนี้
จากนั้นพวกเราก็วิ่งกลับยังโรงแรม เพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ เนื่องจากคนของพวกเรามาก จึงมีการเข้าคิวยาวกันเป็นเด็กนักเรียนไปเลยทีเดียว เมื่อเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อยแล้ว ประมาณ ๑๐ โมงของประเทศอินเดีย พวกเราก็เดินทางยังเมืองบาลามปุระ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดสิทธารถราชมณเฑียร ๙๑๐ ซึ่งท่านเจ้าคุณกอล์ฟเป็นเจ้าอาวาสอยู่
เส้นทางที่วิ่งไปนั้น ต้องข้ามแม่น้ำอจิรวดี ผ่านด่านเก็บเงินตามเคย จนกระทั่งมาถึงวัดสิทธารถราชมณเฑียร ในเวลาประมาณ ๑๑ โมงครึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าอากาศตอนนี้ ๑๖ องศาเซลเซียส แต่พวกเรากลับรู้สึกหนาวกว่านั้นมาก..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:12
|