วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่โรงแรม ดิ อิมพีเรียล กุสินารา อยู่ที่ ๑๑ องศาเซลเซียส แต่รู้สึกว่าหนาวเหน็บเจ็บผิวเลยทีเดียว จึงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมอากาศที่พุทธคยากับที่นี่เท่ากัน แต่เรารู้สึกว่าหนาวไม่เท่ากัน ?
ประมาณ ๖ โมงครึ่ง ห้องอาหารก็เปิดให้พวกเราเข้าไปใช้บริการได้ หลังจากที่รับประทานเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเราจะต้องกลับมารับประทานอาหารกลางวันกันอีกรอบหนึ่ง แต่ว่าทางเอ็นซีทัวร์ก็ขอให้ทุกคนวางกระเป๋าเพื่อให้เขาขนขึ้นรถใหญ่ไปก่อน ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้ามาวางกระเป๋าตอนช่วงอาหารกลางวัน ก็จะยุ่งยากวุ่นวายมาก
เมื่อเดินออกมานอกโรงแรมเท่านั้นแหละ หมอกก็มาอย่างชนิดมืดฟ้ามัวดิน ทำให้อากาศอุ่นขึ้นมาทันที แสดงว่า "มหามาตา" กับบริวารอยากให้พวกเรารู้ว่าอากาศที่แท้จริงนั้นเย็นแค่ไหน ? เมื่อถึงเวลารับรู้แล้วก็เป็นอันว่าส่งความชื้นมาให้ ทำให้อากาศอุ่นขึ้นมา
พวกเรานั่งรถบัสไปไม่ถึง ๒ นาทีก็มาถึงบริเวณสาลวโนทยาน ซึ่งเป็นสถานที่ปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พวกเราเดินฝ่าสายหมอกที่มืดฟ้ามัวดินเข้าไป จนถึงทางด้านในบริเวณมหาวิหารพระพุทธเจ้าปางปรินิพพาน และสถูปครอบสถานที่ปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลังจากฟังท่านเจ้าคุณกอล์ฟ - พระวิเทศวัชราจารย์ (เฉลิมชาติ ชาติวโร) เจ้าอาวาสวัดสิทธารถราชมณเฑียร เลขานุการธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล บรรยายแล้ว พวกเราก็แห่ผ้าขึ้นไป เพื่อที่จะห่มถวายหลวงพ่อปางปรินิพพาน เมื่อเข้าไปถึงข้างใน ปรากฏว่ามีพระภิกษุหลายสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง เป็นทิเบต เป็นพม่าก็ตาม นั่งสมาธิอยู่แล้วหลายรูป แต่ขอโทษเถอะ...พวกเราเดินสวด อิติปิ โสฯ วน ๓ รอบกันหน้าตาเฉย ซึ่งทุกคนก็เห็นว่าเป็นปกติเสียด้วย..!
เมื่อถวายผ้าห่มแก่พระพุทธเจ้าปางปรินิพพานแล้ว พวกเราก็มานั่งเจริญพระพุทธมนต์ ตลอดจนกระทั่งกราบขอขมาพระรัตนตรัยและนั่งกรรมฐาน เสร็จแล้วทางด้านเจ้าหน้าที่ซึ่งเกรงใจท่านเจ้าคุณกอล์ฟ ก็อนุญาตให้กระผม/อาตมภาพเข้าไปปิดทองหลวงพ่อปางปรินิพพานได้ เพียงแต่ว่าช่องเปิดให้มุดเข้าไปนั้นอยู่ทางด้านพระเศียร
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:00
|