จนกระทั่งมาถึง "ท่าเรือทสะอัศวเมธฆาต" หรือว่าท่าเรือที่เคยฆ่าม้าเพื่อบูชายัญ ๑๐ ตัว สถานที่นี้มีพิธีสำคัญของพราหมณ์ก็คือ "กังกาอารตี" เป็นการถวายบูชาไฟต่อแม่น้ำคงคา
พวกเรานั่งลอยเรือรออยู่นานมาก เรือแพก็แน่นขนัดไปหมด โดยเฉพาะบนชายฝั่งนั้น ชาวฮินดูนั่งกันแน่น จนกระทั่งแทบไม่มีที่ให้หายใจ รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ กว่าที่พราหมณ์ทั้งหลายจะประกาศโองการถึงเทพเจ้าเพื่อให้มารับการบูชา แล้วก็มีพิธีบูชาไฟ ๒ อย่าง ๓ อย่าง ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นดูไม่ค่อยจะออก แต่ว่าถ่ายรูปเอาไว้มากทีเดียว ขณะที่คนอื่นถ่ายแล้วบอกว่าภาพมัวหมด เพราะว่าเรือลอยอยู่กลางแม่น้ำ แล้วต้องใช้ซูมดึงภาพเข้ามา แต่ที่กระผม/อาตมภาพถ่ายนั้น ค่อนข้างจะชัดเจนกว่าคนอื่นเขา อาจจะเป็นเพราะว่ามือนิ่งมากกว่าเขาก็ได้
จนกระทั่งการบูชาไฟที่เป็นไฮไลท์จบลงแล้ว พวกเราก็ลอยเรือกลับ มีการตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชาด้วย เพราะว่าบริเวณที่เลยไปนั้น เป็นบริเวณที่ชาวฮินดูนำเอาพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดพบ ตามประเพณีฮินดูก็เกิดความเมตตาว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานนานแล้ว ยังไม่มีใครจัดพิธีให้ จึงนำเอาพระบรมสารีริกธาตุไปลอยแม่น้ำคงคาเสียนี่..! ทำเอาพวกเราทั้งหลายได้ยินประวัติแล้ว ก็ "หัวร่อไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออก" ยังดีที่ท่านปู่เอรกปัตนาคราชและบริวาร ช่วยรักษาพระบรมสารีริกธาตุนั้นเอาไว้ พวกเราจึงมาจุดเทียนและลอยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา
กว่าที่ทุกคนจะลอยกันหมด และเดินทางกลับมาจนถึงรถของพวกเราก็เป็นเวลาค่ำมืดกันแล้ว แบ่งปันกันว่าทางด้านบัส ๑ ของเราจะไปพักที่ Hotel Mudra ส่วนทางบัส ๒ นั้นไปพัก Fern Hotel Residency แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปขึ้นรถบัสด้วยกัน กระผม/อาตมภาพ ได้กุญแจห้องมา ก็รีบเข้าห้อง ทำการบันทึกเสียง ก่อนที่อาการไข้จะจับจนหมดสภาพไปมากกว่านี้..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:03
|