พวกเราฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติของเจาคันธีสถูป แล้วเจริญพระพุทธมนต์ นั่งกรรมฐาน กราบขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว ถึงได้ออกมาเปลี่ยนเป็นรถตู้ที่เรียกว่า "เท็มโป้" พาพวกเราวิ่งเข้าไปบริเวณริมแม่น้ำคงคา ซึ่งจำกัดไม่ให้รถใหญ่เข้า เนื่องเพราะว่าสถานที่คับแคบมาก
แต่ปรากฏว่ารถทุกคันพุ่งหัวเข้าไปในร้านขายผ้า เพื่อให้พวกเราได้ช็อปปิ้งกันก่ น..! ท่านเจ้าคุณกอล์ฟต้องท้วงว่า "ขอให้เก็บการช็อปปิ้งไว้ทีหลัง พวกเราต้องรีบไปลงเรือ ไม่เช่นนั้นถ้ามืดเสียก่อนก็จะไม่มีโอกาสเห็นแม่น้ำคงคาในช่วงกลางวัน" จึงทำให้รถทุกคันต้องวิ่งออกจากร้านขายของที่ระลึก ประมาณคนขายมองปากอ้าตาค้างตามไปว่า "ทำไมเป็ดพะโล้ถึงบินหนีได้ ?" ในลักษณะแบบนี้..!
พวกเราไปถึงริมแม่น้ำคงคา บริเวณที่เรียกว่าราชฆาต คำว่า "ฆาต" ในที่นี้ก็คือ "ท่าเรือ" ในภาษาฮินดีนั่นเอง เป็นท่าที่พระราชาได้สร้างเอาไว้ แต่ว่าพวกเราต้องไปลงที่ "รานีฆาต" ก็คือท่าเรือท่านผู้หญิง เพราะว่าเรือที่พวกเราเช่าเอาไว้อยู่ที่นั่น ซึ่งได้แบ่งเรือออกเป็นสองลำ บัส ๑ หนึ่งลำ บัส ๒ หนึ่งลำ
เมื่อขึ้นไปถึง พวกเราก็ต้องสวมเสื้อชูชีพ แล้วนั่งฟังท่านเจ้าคุณกอล์ฟบรรยาย เกี่ยวกับเรื่องชีวิตปกติของชาวฮินดูหรือชาวอินเดีย ที่พวกเราเห็นว่าไม่ปกติ เนื่องเพราะว่าเขากิน เขาอยู่กับแม่น้ำคงคา ซึ่งแม่น้ำช่วงนี้เฉพาะช่วงพาราณสี ที่เรากำลังลอยเรืออยู่นี้เป็นช่วงที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด บรรดาท่าเรือต่าง ๆ นั้น ต่างก็มีเอาไว้สำหรับงานที่ต่างกันไป พวกเราล่องเรือมา สายลมก็เย็นขึ้นทุกที เนื่องเพราะว่าอากาศช่วงนี้อยู่ที่ ๑๘ องศาเซลเซียส ยังดีที่ว่าเสื้อชูชีพช่วยกันลมไปได้มาก แต่ถึงกระนั้น กระผม/อาตมภาพก็เริ่มมาลาเรียกำเริบแล้ว..!
เมื่อวิ่งมาถึง "ท่ามณิกัณณิการ์" หรือว่าท่าตุ้มหูแก้วของพระศิวะ เพราะมีประวัติว่าพระศิวะลงมาสรงน้ำแล้วทำตุ้มหูแก้วตกเอาไว้ สถานที่นี้เป็นที่เผาศพของชาวฮินดูต่อเนื่องมาหลายพันปี โดยที่ไฟไม่เคยดับลงเลย แม้แต่ตอนที่พวกเรามาถึง ซึ่งฟ้าเริ่มมืดแล้ว ไฟจากการเผาศพก็ยังคงสว่างโร่อยู่ ๔ ที่ ๕ ที่ พวกเราค่อย ๆ ลอยเรือชมทิวทัศน์ ซึ่งเริ่มเป็นยามค่ำคืน ริมฝั่งแม้น้ำคงคา ซึ่งก็คือฝั่งที่เขาเชื่อกันว่าเป็นฝั่งสวรรค์ ฝั่งตรงข้ามกันนั้นเป็นฝั่งนรก ซึ่งเอาไว้ทิ้งศพของพวกคนจัณฑาล..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:00
|