กระผม/อาตมภาพเองศึกษาวิชาสายนี้มาไม่มาก เนื่องเพราะว่าสมัยก่อนเดินทางไกลยากมาก แล้วก็ไม่อยากที่จะไปค้างนาน ๆ เพราะว่ายุคที่กระผม/อาตมภาพไปนั้น หลวงปู่กลั่น (พระครูอดุลธรรมกิตติ์) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ ท่านจะล็อคคอไว้ให้เป็นเจ้าอาวาสรูปต่อไป ก็เลยเรียนอะไรได้ไม่มาก เพราะกลัวว่าจะต้องเป็นเจ้าอาวาส..!
เนื่องเพราะว่าสายเขาอ้อไม่สนใจว่าคุณเป็นใครมาจากไหน หากศึกษาวิชาแล้ว "ทำขึ้น" เขาจะยึดตัวเอาไว้ ก็เลยกลายเป็นอะไรที่ทำให้ต้องเรียนแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วยังติดหนี้ที่ยังรับปากท่านไว้ว่าจะหาข้าวสารดำไปให้ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็หาง่ายขึ้นมากแล้ว เพราะว่าพวกเรานิยมพวกข้าวไรซ์เบอร์รี่ ปลูกกันมากมาย สมัยก่อนไม่ค่อยจะมี
สรุปลงตรงที่ว่า ถ้าเป็นยามศึกยามสงคราม ให้หาวัตถุมงคลรุ่นเก่าหน่อย เพราะว่าครูบาอาจารย์ยุคนั้น จำเป็นที่จะต้องทำออกไปในด้านมหาอุดคงกระพัน หรือแม้แต่ของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็คุ้มชีวิตกระผม/อาตมภาพให้มาจนรอดถึงทุกวันนี้
ทั้ง ๆ ที่ปืนใหญ่ของฝ่ายเขมรถล่มลงมา ๑๕ นาที เกือบ ๓๐๐ - ๔๐๐ นัด บังเกอร์ทรุดพังทลายหมด แต่ก็ไม่เป็นอันตรายอะไร เพราะว่าพกธงมหาพิชัยสงครามกับเหรียญกูผู้ชนะของท่านเอาไว้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าต้องการความปลอดภัยก็หาวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ ถ้าต้องการเรื่องมหาลาภ มหานิยม ก็หาวัตถุมงคลรุ่นใหม่ ๆ ต้องบอกว่าแล้วแต่สถานการณ์จะพาไปก็แล้วกัน
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2025 เมื่อ 01:41
|