ของเราหนาวนิด ไม่เอาแล้ว มุดอยู่ใต้ผ้าห่มดีกว่า ขอนอนอีกนิดน่า แค่หลับตาไปนิดเดียวทำไมสว่างแล้ว ? รู้สึกว่าเพิ่งจะกะพริบตาเอง..ใช่ไหม ?
อาตมภาพเคยเจอมากับตัวเอง ถวายการรับใช้พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงที่ซอยสายลม ตั้งแต่ประมาณเที่ยงวันศุกร์ แล้วก็เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ วันอังคารช่วงเช้าเก็บกวาดทำความสะอาดเสร็จ พอหลวงพ่อท่านฉันเพลแล้วก็ส่งท่านขึ้นรถกลับ อาตมาก็เดินทางกลับบ้าน
อดหลับอดนอนมาหลายวันก็ง่วง ตอนนั้นพักอยู่ที่บ้านพี่ชายซอยอ่อนนุช ๖๖ ก็ต้องนั่งรถเมล์สาย ๓๘ ไปลงปากซอยแถวพระโขนง แล้วก็ต่อรถสองแถวหรือไม่ก็รถเมล์สายอ่อนนุช - หัวตะเข้ พอรถเริ่มขึ้นสะพานข้ามคลองพระโขนง ป้ายต่อไปก็คือปากซอยที่จะลง ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียเต็มที ขอกะพริบตาทีหนึ่งเถอะ ลืมตาขึ้นมา กรมอุตุนิยมวิทยา บางนา..! กะพริบตาทีเดียว ไปยันโน่นได้ เกือบ ๆ จะหลุดสมุทรปราการแล้ว..! เพราะฉะนั้น..ทุกวันนี้ติดนิสัย ตื่นตอนไหนต้องลุกเลย ตื่นห้าทุ่มเที่ยงคืนก็ลุกมาทำงานเลย
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นว่า "คุณมีเงินเข้า ๖ บาท ๑๙ สตางค์" พอ ๆ อย่าประกาศ ขายหน้าเขา บอกเงินเข้าแล้ว ๖ บาท ๑๙ สตางค์ พวกประเภทที่อีกหนึ่งสตางค์ก็ให้ไม่ได้นี่แปลว่าอะไร ? ทำทีละ ๙๙ สตางค์แบบนั้น พวกที่ไม่เต็มบาทใช่ไหม ? ก็แล้วแต่ศรัทธาเขา ก็เขามั่นใจว่าตัวเลขนั้นดีกับเขาก็เอาเถิด
เมื่อสักครู่ว่าไปถึงไหน ? จำไม่ได้กันแล้วใช่ไหม ? ตอนช่วงนั้นยังทำงานอยู่ ก็ทุ่มเทกับงานมาก บางวันทำงานเวลาปกติแล้วยังทำโอที ๒ - ๓ แรง ไหวไหม ? ตอนที่ทำโอทีไม่ค่อยได้อะไรหรอก ง่วงตายห่..! โดยเฉพาะโอทีสามแรงนี่ พอหลังเที่ยงคืนไปแล้วก็จะหัวทิ่มอย่างเดียวแล้ว ถ่างตาอยู่ให้ครบเวลาไปอย่างนั้นเอง งานได้หน่อยเดียวแต่ได้ค่าแรงเท่ากับกลางวันทั้งวัน..!
ทำไมต้องทำอย่างนั้น ? ก็เพราะว่าถึงเวลาถ้าที่วัดท่าซุงมีงานก็จะไปก่อนงานสองวัน ไปช่วยเตรียมงาน รวมวันงานหนึ่งวัน แล้วก็กลับหลังงานหนึ่งวัน เพราะว่าต้องเก็บงานให้เรียบร้อย ถ้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมาบ้านสายลม เที่ยงวันศุกร์ก็หายจากที่ทำงานไปแล้ว กลับมาอีกทีก็โน่น..วันอังคาร..!
แล้วเจ้านายเขาไม่เดือดร้อน ? ถ้าเดือดร้อนก็เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรานี่..! อาตมภาพบอกกับเขาว่า "จะต้องไปช่วยงานหลวงพ่อท่าน ถ้าหากว่าไม่พอใจ ก็ไล่ผมออกได้เลย ไม่ว่าอะไรหรอก" เจ้านายไม่ไล่ออก แต่ใช้วิธีจ่ายงานให้เรามากเท่ากับเวลาที่เราไม่อยู่ เข้าท่าไหม ? ถึงได้บอกว่าบางวันต้องแหกตาทำโอที ๒ - ๓ แรง ตีสองกว่าถึงจะได้นอน
แต่กำลังใจมุ่งมั่นอยู่อย่างเดียวก็คือเรื่องของการปฏิบัติธรรมและบุญกุศล ต่อให้นอนดึกแค่ไหนก็ตาม ห้านาทีก่อนตีสามจะตื่น ความจริงตั้งใจจะตื่นตีสาม แต่ดันตื่น ๒.๕๕ น. ทุกครั้ง เผื่อไว้ห้านาทีให้บิดขี้เกียจ ต้องลุกขึ้นมาเพื่อเจริญกรรมฐานก่อน ไหวกันไหม ? ทำงานยันตีสอง ตีสามต้องตื่นมาภาวนา ไม่ไหวแสดงว่าฉันทะไม่พอ ถ้าพอต้องลุกได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2025 เมื่อ 20:59
|