หรือไม่ก็สภาพจิตของท่านทั้งหลายยังไม่ละเอียดพอ พระนิพพานมีสภาพละเอียดมาก เราจะเกาะไม่ติด ท่านที่ฝึกมาสายนี้จะรู้ บางทีเพิ่งจะเห็นพระนิพพานเท่านั้น หล่นลงมาตอนไหนก็ไม่รู้ ?! แต่ถ้าท่านสวดมนต์ได้ ให้ตั้งใจว่าเราจะสวดมนต์ถวายพระพุทธเจ้าที่นี่ ในเมื่อจิตมีงานทำ ก็จะกำหนดจดจ่ออยู่กับงานตรงนั้น ท่านสวดมนต์ได้ยาวนานเท่าไร ก็อยู่บนพระนิพพานได้นานเท่านั้น ก็แปลว่าซักซ้อมให้กำลังใจของเราเคยชินกับสภาพหมดกิเลส สามารถรักษาอารมณ์ได้ยาวนานเท่าไร เราก็จะมีความสุขมากเท่านั้น
ลำดับต่อไป ถ้าท่านสวดมนต์แล้วแปลได้ ก็นำสิ่งที่สวด ซึ่งก็คือคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาพินิจพิจารณา ส่วนไหนละได้ ให้ตั้งใจว่าเราละ ส่วนไหนเว้นได้ ให้ตั้งใจว่าเราจะเว้น ถ้าสามารถตัดใจได้จริง ๆ ท่านก็จะเข้าถึงมรรคเข้าถึงผลได้ จากการฟังธรรม จากการสาธยายธรรม จากการพิจารณาธรรม เหล่านี้เป็นต้น
สมัยนี้คนเก่งมีมาก แต่หาคนเก่งจริงได้ยาก ส่วนใหญ่ดีแต่ตีโวหารเถียงกัน เอาชนะคะคานผู้อื่นเท่านั้น และมักจะใช้อัตโนมติ คือความคิดเห็นส่วนตนแทรกเข้าไป กลายเป็นสัทธรรมปฏิรูป เก่งเกินพระพุทธเจ้า เราก็ยกให้เขาไป อย่าไปยุ่งกับเขาเลย..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:30
|