วันก่อนทุกท่านก็คงเห็นท่านพระครูวรกาญจนโชติ, ดร. เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ท่านเพิ่งอายุ ๖๐ ปี ตอนนี้แก่แซงกระผม/อาตมภาพไปแล้ว เนื่องเพราะว่าเรื่องทั้งหลายในการปกครองคณะสงฆ์นั้น ถ้าเราทำแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องไปคิดฟุ้งซ่านเผื่ออนาคตว่า คนนั้นเป็นคนของเรา คนนั้นไม่ใช่คนของเรา ถึงเวลาคนนี้พ้นไป เราต้องเอาคนของเราเข้าไป คนนั้นจะก่อประโยชน์ให้เราอย่างไรบ้าง ? คิดไปก็เครียดตาย แต่ก็รู้สึกว่าเขาจะขยันคิดกันมาก..!
จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องสังวรเอาไว้ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือทำอย่างไร เราจะยืนหยัดอยู่ในกระแสโลกได้โดยไม่ไหลตามไป โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรของเรา ต้องเป็นหลักให้กับญาติโยม ถ้าไปไหลตามกระแสโลกไป แล้วจะเป็นหลักได้อย่างไร ?
ถ้าท่านไม่สามารถที่จะก้าวพ้นกระแสขึ้นสู่ฝั่งได้ อย่างน้อยก็ต้องเหมือนหินใหญ่กลางสายน้ำ ก็คือกระทบเท่าไรก็สะเทือนหวั่นไหวน้อยกว่าคนอื่น จะได้เป็นที่พึ่งให้แก่ญาติโยมเขาได้ ประมาณว่ายังไม่สามารถตัด รัก โลภ โกรธ หลงได้ แต่ก็ไม่ยอมให้ รัก โลภ โกรธ หลง ชักนำเราไปผิดทาง
เรื่องพวกนี้ขอฝากเป็นการบ้านให้กับพวกเราเอาไว้พิจารณา และถือว่าเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพิ่มขึ้นมา นอกเหนือจาก ศีล สมาธิ ปัญญา แล้ว เราทำอย่างไรที่จะมี "ศิลป์" ในการที่จะอยู่ร่วมในสังคมของเรา โดยไม่ก่อให้เกิดความลำบากมากนัก
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2025 เมื่อ 01:01
|