เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง พระครูเทพก็เร่งรัดบรรดาพระใหม่มารวมตัวกัน เพื่อที่จะฟังบรรยายธรรม บรรดาพระวิปัสสนาจารย์ที่นำโดยพระครูชนะชัย (ท่านพระครูกาญจนธรรมชัย) เจ้าอาวาสวัดหนองไม้แก่น จังหวัดกาญจนบุรี พระวิปัสสนาจารย์ประจำวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ ก็มากราบ
หลังจากนั้น เมื่อบรรดาพระใหม่มากันครบถ้วนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็บรรยายถวายความรู้ให้กับทุกท่าน อยู่ในลักษณะที่ให้กำลังใจทุกท่านว่า "การบวชนั้นไม่ยาก แต่ว่าการที่เราจะรักษาความเป็นพระ ให้ชาวบ้านเขาไหว้ได้เต็มมือนั้นยากมาก" พร้อมกับเตือนพระใหม่เป็นระยะ ๆ ไป ท่านที่มาถึงพอวางบาตรลง ก็บอกกับท่านว่า ถ้าหากว่าบาตรไม่มีขาบาตรให้วางคว่ำลง ถ้ามีขาบาตรค่อยวางตั้งอยู่บนขาบาตร เนื่องเพราะว่าข้อนี้ก็เป็นศีลพระข้อหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้า "ประทุษร้ายบาตร" คือทำให้บาตรชำรุดลง ก็โดนปรับอาบัติศีลขาดได้..!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในสมัยพุทธกาล ส่วนใหญ่จะเป็นบาตรดินเผา ถ้าเผลอเมื่อไรก็ตกแตก จึงเป็นเรื่องที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงกำหนดข้อปฏิบัติเอาไว้เยอะมาก อย่างเช่นว่าจะเก็บบาตรไว้ใต้เตียง ก็ต้องยื่นมือเข้าไปลูบดูก่อนว่า เมื่อยื่นบาตรเข้าไปจะกระทบวัสดุอะไรหรือเปล่า ? ไม่เช่นนั้นถ้ากระทบแตก ก็ต้องลำบากเดือดร้อนไปขอจากชาวบ้านเขามาใหม่ ซึ่งชาวบ้านเขาก็ทำมาหากินด้วยการปั้นเครื่องปั้นดินเผาต่าง ๆ ส่วนพระไปขอฟรี ถ้าเขาไม่ศรัทธา อาจจะโดนด่ามาก็ได้..!
หรือไม่ก็ห้ามวางไว้บนพรึง คำว่า "พรึง" ในสมัยปัจจุบันนี้เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้เสียแล้ว ความจริงก็คือแนวสันไม้ที่ตียาว ๆ เป็นแนวรั้ว แล้วทางด้านบนสุดจะมีสันไม้ที่ตีปิดลูกกรง เขาเรียกกันว่าพรึง ถ้าหากว่าเป็นพรึงใหญ่ที่สุด เต็มที่ก็ไม่เกิน ๔ นิ้ว หรือกว้างประมาณแค่ ๑ ฝ่ามือวางขวางเท่านั้น ดังนั้น..ถ้าวางบาตรเอาไว้มีสิทธิ์ตกแตกได้อย่างแน่นอน แม้ว่าสมัยนี้จะเป็นบาตรโลหะ บาตรสเตนเลสแล้วก็ตาม ก็ยังมีโอกาสที่จะชำรุดบุบได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง
ส่วนพระใหม่ที่นั่งตัวเอียง เอามือค้ำพื้น ขอให้เปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรง เราทั้งหลายเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เท่ากับเป็นเจ้าชายในศากยตระกูลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่อยู่ในวรรณะกษัตริย์ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ต้องประกอบไปด้วยสง่าราศี ควรแก่ผู้อื่นเขาเคารพนับถือ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงนำเอาแนวปฏิบัติของศากยราชตระกูล มากำหนดเป็นเสขิยวัตร ๗๕ ข้อให้พระภิกษุสามเณรของเราได้ยึดถือและปฏิบัติ ดังนั้น..ในส่วนนี้เท่ากับพระภิกษุสามเณรก็คือบุคคลในวรรณะกษัตริย์ เท่ากับว่าเป็นเจ้าชายในศากยราชตระกูล จึงต้องไว้สง่าของตนเองอยู่เสมอ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:11
|