ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 01-12-2025, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,520
ได้ให้อนุโมทนา: 160,796
ได้รับอนุโมทนา 4,520,221 ครั้ง ใน 37,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตัวอย่างก็เช่นนางมัลลิกาเทวี สร้างความดีมามากมายมหาศาล เป็นผู้นำในการถวายอสทิสทาน ก็คือทานที่ถวายต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์ ที่ไม่มีใครสามารถทำเทียบได้ถึง แต่ก่อนจะสวรรคตนึกถึงกรรมเก่าของตนเอง สร้างความดีมาขนาดนั้นยังต้องไปลงอเวจีมหานรกอยู่ ๗ วัน แล้วท่านอย่าไปคิดว่า ๗ วันเป็นระยะเวลาเพียงเล็กน้อย ตัวเราโดนไฟจี้แค่นิดเดียวก็ยังเจ็บยังปวด แล้วบุคคลที่โดนไฟเผาอยู่ ๗ วัน รสชาติชีวิตเป็นอย่างไร น่าจะพอคิดถึงได้..!

นั่นก็คืออาสันนกรรมก่อนตาย ที่ยังคอยมาตัดรอนพวกเรา เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ากำลังใจเกาะความดีอยู่ ก็ยังทำให้กำลังใจเบี่ยงเบนไปเกาะสิ่งที่ไม่ดี แล้วลงอบายภูมิไปชั่วคราว ก่อนที่ความดีทั้งหมดที่ทำมาจะส่งผล ให้ขึ้นไปเสวยสุคติ เรื่องพวกนี้เราเองทำมาไม่มากเท่ากับท่าน แล้วเรายังประมาทอยู่ โอกาสที่เราจะพลาดลงอบายภูมิจึงมีเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์..!

ทุกท่านต้องรู้จักกลัว รู้จักเห็นภัย ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ สร้างความทุกข์ยากเร่าร้อนให้กับเราตลอดเวลา เหมือนกับเดินลุยอยู่ในกองไฟ มีแต่จะโดนแผดเผา เจ็บแสบ เร่าร้อนอยู่ตลอด แต่พวกเรากลับปัญญาน้อย คิดไม่ถึง มองไม่เห็น

เรื่องอันตรายที่อยู่รอบตัว ไม่รู้ว่าเราจะตายลงไปเมื่อไร แล้วก็ยังประมาท ไม่เร่งรัดกระทำความดีอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่เป็นพระภิกษุสามเณรยิ่งหนัก เนื่องเพราะว่าเราเป็นปูชนียบุคคล ที่ชาวบ้านเขาให้การเคารพนับถือ ถ้าคุณงามความดีของเราไม่เพียงพอที่จะรองรับ ก็ให้ทุกท่านมั่นใจได้เลยว่า เราต้องมีอบายภูมิเป็นที่ไปอย่างแน่นอน จึงควรที่จะทำกำลังใจเหมือนกับนักโทษที่ติดคุก ทนลำบากเดือดร้อนมาจนป่านนี้ ชาติแล้วชาติเล่า ไม่พ้นเสียที ต้องตั้งหน้าตั้งตาแหกคุกกันแล้ว..!

วิธีการก็ชัดเจนที่สุด คือ ศีล สมาธิ และปัญญา เท่านั้น หนทางอื่นนั้นไม่ใช่ เมื่อให้ทานแล้วต้องเพียรพยายามรักษาศีล มีทานมีศีลแล้ว ต้องสร้างสมาธิให้เกิด เมื่อสมาธิเกิดแล้ว ต้องทำให้เป็นอัปปนาสมาธิสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะได้อาศัยปัญญาและกำลังสมาธิ ในการตัดกิเลสต่าง ๆ ที่ร้อยรัดเราให้ติดอยู่กับวัฏสงสาร ให้ขาด ให้สิ้น หรือว่าลดน้อยลง ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงพอที่จะเป็นเครื่องประกันได้ว่าเราจะรอดจากอบายภูมิได้บ้าง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2025 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา