อันดับแรกเลยก็คือ ถ้าเป็นของจริง ต้องรู้นิสัยของกระผม/อาตมภาพ ว่าเป็นอย่างไร ?
อันดับที่สอง เอ็งเป็นลูกศิษย์ที่ห่วยแตกมาก เพราะว่ามาไม่ทันเวลา ถ้าหากว่าเป็นหลวงพ่อสมปองจะต้องกำชับเรื่องเวลาอย่างมาก เพราะรู้นิสัยว่ากระผม/อาตมภาพเป็นคนตรงเวลาอย่างไร
ดังนั้น..ในเรื่องของมโนมยิทธินั้น จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายจะเชื่ออย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่าเรื่องของมโนมยิทธินั้นจะมีการทดสอบอยู่ตลอดเวลา ครั้งที่ ๑ ถูก เรารับรู้ไว้ด้วยความเคารพ แต่ไม่ได้หมายความว่าครั้งที่ ๒ จะถูกต้องไปด้วย
ครั้งที่ ๑ ถูกต้อง ครั้งที่ ๒ ถูกต้อง รับทราบด้วยความเคารพ ไม่ได้แปลว่าครั้งที่ ๓ จะถูกต้องไปด้วย
เราต้องระมัดระวังการทดสอบอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นก็จะโดนหลอกให้ทำสิ่งโน้น สิ่งนี้ สิ่งนั้น ที่คิดว่าดีไปเรื่อย ๆ โดยสิ่งที่เราไม่ได้รับการสั่งให้ทำเลยก็คือ การปฏิบัติเพื่อมรรคผลของตนเอง..!
กระผม/อาตมภาพเจอคนที่โดนหลอกในลักษณะนี้มาเป็นร้อย ๆ รายแล้ว..! และที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ พยายามที่จะบอกความจริงให้ทราบ แต่เจ้าพวกนี้ดันทะลึ่งเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ฟังกระผม/อาตมภาพเสียด้วย ประมาณว่า "กูรู้ กูเห็น กูจึงเชื่อ..!" โดยที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกอยู่เสมอว่า "ตัวเรานั้นรู้เห็นจริง ๆ แต่สิ่งที่เราเห็นนั้นไม่แน่ว่าจะจริง..!" อย่างเช่นที่ยกตัวอย่างอยู่เสมอก็คือ เราเห็นคนไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนเข้าไปช่วยเขา แทบจะโดนเขากระทืบตาย เพราะว่าเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่..! เราเห็นคนไล่ฆ่าไล่ฟันกันมาจริงไหม ? นั่นคือการเห็นจริง แต่เรื่องที่เราเห็นนั้นจริงไหม ? ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะว่าเป็นการถ่ายภาพยนตร์..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2025 เมื่อ 01:32
|