ที่นั่งของกระผม/อาตมภาพอยู่กลาง ๆ เครื่องพอดี จะขึ้นหัวเครื่องหรือท้ายเครื่องก็แย่พอกัน ก็เลยตัดสินใจขึ้นทางด้านหัวเครื่อง แล้วก็เจอ "คนติด" แบบมากมายมหาศาล..! เนื่องเพราะว่าบรรดาชาวมาเลเซีย ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีนิสัยแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า ? เห็นที่ว่างตรงไหนก็ยกกระเป๋ายัดเข้าไปก่อน จากนั้นค่อยเดินไปหาที่นั่งของตนเอง ดังนั้น..แต่ละคนที่ยกกระเป๋ายัดขึ้นไปยังที่เก็บ จึงกลายเป็นขวางทางคนข้างหลังไปเสียนี่..!
เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึงที่นั่ง ปรากฏว่ามีสองสามีภรรยานั่งอยู่ แม้ว่าตัวเองจะนั่งติดริมหน้าต่าง แต่คุณภรรยาเธอนั่งเก้าอี้ตรงกลาง เท่ากับว่านั่งอยู่ข้าง ๆ กระทบไหล่พระเลย..! ยังโชคดีที่มีชาวมาเลย์เชื้อสายจีนที่เข้าใจเรื่องนี้อยู่สองคน คุณผู้ชายทั้งสองรีบมาขอเปลี่ยนที่นั่งกับสามีภรรยาคู่นั้น อธิบายให้เขาฟังประมาณว่าพระของเราห้ามแตะต้องตัวผู้หญิง การเปลี่ยนที่นั่งจึงเป็นไปด้วยความราบรื่น
พวกเรานั่งกันมาสักพักหนึ่ง พอเครื่องขึ้นแล้วก็มีการเสิร์ฟอาหาร แต่ว่าต้องเป็นอาหารที่เขาจองเอาไว้ก่อน หลังจากที่คนกินอาหารเสร็จเรียบร้อย ยังไม่ทันจะจัดเก็บ เจ้าหน้าที่ก็ประกาศให้รัดเข็มขัด นั่งอยู่กับที่ เพราะว่าผ่านเขตอากาศแปรปรวนรุนแรงมาก เครื่องเขย่าอยู่เป็นระยะ..! พวกเราแม้ว่าจะล่าช้าจากทางมาเลเซียเกือบ ๑ ชั่วโมง แต่กัปตันน่าจะทำเวลาเพิ่ม ให้พวกเรามาลงท่าอากาศนานาชาติดอนเมือง เลยเวลาไปแค่ ๑๕ นาทีเท่านั้น..!
ครั้นเมื่อทำการประทับตราพาสปอร์ต ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว น้องปุยก็ยังตามมาจะเรียกแท็กซี่ให้ กระผม/อาตมภาพบอกว่าไม่ต้อง สนามบินนานาชาติดอนเมืองนี้ ถ้าเรียกแท็กซี่จากข้างนอกจะเสียเวลารอนานมาก ถ้าใช้แท็กซี่ภายในสนามบิน แค่บวก ๕๐ บาทจากมิเตอร์ก็จบแล้ว ดังนั้น..น้องปุยก็เลยควักเงินค่าแท็กซี่มาให้ บอกว่า "อาศุฝากไว้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2025 เมื่อ 02:38
|