พวกเราไปนั่งรอที่ประตูขึ้นเครื่อง เจอพระภิกษุอยู่ ๑๐ กว่ารูป และญาติโยมคณะใหญ่ ยังไม่ทันที่จะ ๑๐ โมง เขาก็เรียกขึ้นเครื่องแล้ว ทำเอากระผม/อาตมภาพหิ้วกระเป๋าไปเดินต่อแถว แล้วถึงเห็นบนจอแอลซีดีลงเอาไว้ว่าเป็นคนละเที่ยวบินกัน เที่ยวบินนี้จะตรงไปลุมพินี ประเทศเนปาล เกือบจะทำให้กระผม/อาตมภาพได้ไปเที่ยวเนปาลเสียแล้ว..!
แสดงว่า "เจ้าแม่นภิสราเทวี" แกกำลังสูงมากทีเดียว แม้ว่าครั้งนี้จะรับปาก "หลงโถว" ซึ่งเคยแนะนำตัวเจ้าแม่ให้กระผม/อาตมภาพเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว มาในวันนี้ตั้งใจจะมาสงเคราะห์ท่านกับลูกน้อง แต่ปรากฏว่าเกือบจะโดนเจ้าแม่ดึงไปเนปาลแทนเสียนี่..! ต้องรอจนกระทั่งเลยเวลาบอร์ดดิ้งไป ๒๐ นาที กว่าที่เครื่องของเราจะมาเทียบงวง แล้วก็ให้โซน ๒ ขึ้นก่อน ประกอบกับบรรดา VIP กระผม/อาตมภาพได้แต่นั่งรอแบบเซ็ง ๆ เพราะว่าตนเองอยู่โซน ๓ แต่พอเจ้าหน้าที่เหลือบมาเห็นว่ายังมีพระอีกรูปหนึ่ง ก็เลยรีบนิมนต์ให้ขึ้นไปก่อน..!
เครื่องบินใช้เวลาบินประมาณ ๒ ชั่วโมง ตอนที่ขึ้นก็ใจคอไม่ค่อยจะดี เพราะว่าเมฆฝนมืดไปหมด เวลาเครื่องบินบินผ่านก็เกิดอาการสั่นสะท้านไปทั้งลำ แต่ว่า "หลงโถว" กับบริวารยืนยันว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีงาม โดยเฉพาะชี้ออกไปทางด้านนอก จอมอสูรอสุรินทราหูเอามือรองเครื่องบิน ก้าวยาว ๆ ไป ในลักษณะเหมือนกับเด็กจับเครื่องบิน พร้อมที่จะวิ่งแล้วก็พุ่งเครื่องบินขึ้นฟ้า..ประมาณนั้น..! เห็นแล้วก็ยังรู้สึกทึ่งว่าเทวดานี่ตัวใหญ่เหลือเกิน เนื่องเพราะว่าท่านเดินสบาย ๆ แต่ว่าเครื่องบินต้องบินด้วยความเร็ว ๘๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่อนุโมทนาในใจ
เครื่องมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติปีนังก่อนเวลา ๑๐ นาที เมื่อลงถึงพื้นแล้วจึงได้เห็นว่าทางด้านนี้ฝนตกไปเรียบร้อยแล้ว พวกเราต้องมารอผ่าน ตม.ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งระบบยังไม่ใช่อัตโนมัติเต็มที่เหมือนประเทศสิงคโปร์ ผู้คนจึงค่อนข้างจะแออัดยัดเยียด แต่ว่า "หลงโถว" ชี้ให้เข้าไปอยู่ในช่องหมายเลข ๑๑
กระผม/อาตมภาพเข้าไปแล้วก็ไม่ผิดหวัง เนื่องเพราะว่าเจ้าหน้าที่อะลุ้มอล่วยมาก ขนาดส่งวีซ่าออนไลน์ให้ดูก็ไม่สนใจ แค่ชี้นิ้วให้หันหน้าเข้าหากล้อง หลังจากนั้นก็ทำท่าให้ประทับนิ้วชี้ทั้งสองนิ้วลงบนเครื่อง เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ประทับตราหนังสือเดินทางโป้งเข้าให้ แล้วกระผม/อาตมภาพก็เดินผ่านมา อีกไม่ถึงนาทีน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก็ผ่านมาด้วย ขณะที่ช่องอื่นนั้น บางทีเขาก็เรียกคุยแล้วคุยอีก ไม่ต้องผ่านกันเสียที ต้องเจริญพรขอบคุณท่านเจ้าพ่อหลักเมืองมาเลเซียเป็นอย่างยิ่ง
ตอนแรกที่เจอกัน กระผม/อาตมภาพก็ยังสอบถามท่านว่า "ประเทศมาเลเซียไม่ได้มีคนจีนเป็นหลัก หากแต่ว่าเป็นคนมลายู แล้วทำไมเจ้าพ่อหลักเมืองถึงเป็นเจ๊ก ?" ท่านบอกว่า "เนื่องเพราะว่าคนจีนเป็นคนอัญเชิญเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นคนแรก กระผมซึ่งมีเชื้อสายจีน จึงต้องมาทำหน้าที่เจ้าพ่อหลักเมืองตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2025 เมื่อ 02:47
|