ขอตอบให้ชัดเจนในที่นี้เลยว่า กระผม/อาตมภาพนั้นชอบวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางเป็นพิเศษ เนื่องเพราะว่าแต่ละอย่างนั้น ล้วนแล้วแต่มีอุปเท่ห์ในการจัดสร้างและใช้สอย ที่แตกต่างหลากหลายเป็นอย่างยิ่ง พูดง่าย ๆ ว่า "ทำยาก ศึกษายาก" เนื่องจากว่าเครื่องรางของประเทศไทยนั้น มีเป็นจำนวนมากมายมหาศาล และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้แหละ ที่ติดตัวบรรพบุรุษของเรา ออกศึกเสือเหนือใต้ รักษาแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลานอย่างพวกเราได้อยู่อาศัยมาจนทุกวันนี้
เนื่องเพราะว่าสมัยก่อนเขามีคตินิยมที่ว่า "พระต้องอยู่วัด" ดังนั้น..ต่อให้เป็นพระเครื่อง เมื่อถึงเวลาเสร็จศึกแล้วก็มักจะเอาไปถวายคืนวัด ติดบ้านอยู่เฉพาะเครื่องรางที่ท่านมั่นใจว่าคุ้มตัวได้เท่านั้น
แต่กระผม/อาตมภาพนั้นขอนำพระเป็นที่ตั้งเสมอ ในที่นี้ถ้าให้เลือกได้องค์เดียว ขออนุญาตเลือกสมเด็จองค์ปฐม ไม่ว่าจะเป็นของหลวงพ่อวัดท่าซุง รุ่น ๑ หรือว่ารุ่น ๒ ก็ตาม หรือถ้าหากว่าเป็นของวัดท่าขนุนเอง ก็สร้างเอาไว้มากมายหลายรุ่น เนื่องเพราะว่าสมเด็จองค์ปฐมนั้น พระองค์ท่านให้พรเอาไว้ว่า บุคคลที่บูชารูปของท่านนั้น ให้ตั้งใจภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบ แผ่เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั่วหล้า แล้วไม่ต้องทำอะไร ใครคิดร้ายกับเราก็จะแพ้ภัยตัวเอง ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นผลมามากต่อมากแล้ว
วัตถุมงคลชิ้นต่อไปที่เลือกติดตัวอยู่ในปัจจุบันก็คือรูปท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ มีทั้งในส่วนของท้าวเวสสุวรรณลอยองค์ ที่สร้างโดยท่านเจ้าคุณศรีสัจจญาณมุนี (สนธ์ ยติธโร) วัดสุทัศนเทพวราราม และเหรียญรอยพระพุทธบาท หลังท้าวเวสสุวรรณของวัดท่าขนุนเอง ในส่วนนี้ ท้าวเวสสุวรรณท่านเป็น "ภูติบดี" ก็คือนายใหญ่แห่งผีทั้งหลาย ถ้าหากว่าท่านมีติดตัวเอาไว้ ไม่ว่าจะเข้าป่าเข้าดง หรือสถานที่แปลกใหม่อย่างไร ก็จะปลอดภัยเสมอ
ความจริงกระผม/อาตมภาพนั้นพกท่านท้าวเวสสุวรรณของหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี "ท่านอาจารย์ปู่" ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน แต่ว่าภายหลังลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ซึ่งมีอาชีพในการทำทัวร์ต่าง ๆ ไปที่โน่นแล้วโดนผีหลอก ไปที่นี่แล้วโดนผีหลอก เมื่อมาปรารภ กระผม/อาตมภาพจึงสละท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งตนเองมั่นใจที่สุดในการใช้งานให้กับลูกกิฟท์ไป ตนเองก็ต้องมาใช้ของเจ้าคุณศรีสัจจญาณมุนี แล้วมาภายหลังก็พกของวัดท่าขนุนเองเพิ่มเติมไปอีก ๑ องค์
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2025 เมื่อ 01:33
|