ในเมื่อเราไม่สร้างเหตุ ผลไม่สามารถที่จะเกิดได้ ก็ทำให้กิเลสไม่อาจจะเข้ามากินจิตกินใจของเราได้ นี่คือลักษณะของการรู้เท่าทันสภาพของจิต
สิ่งหนึ่งประการใดที่จิตทำ จิตคิด ทำให้เกิดความเจริญขึ้น ดีขึ้น ของศีล ของสมาธิ ของปัญญา เราก็กระทำในสิ่งนั้นด้วยความระมัดระวัง
สิ่งหนึ่งประการใดที่จะสร้างทุกข์สร้างโทษ ก่อให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง เราก็ละเว้นไม่กระทำสิ่งนั้น
ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ ก็จะอยู่ในลักษณะของการ "ละชั่ว..ทำดี..ละชั่ว..ทำดี" ไปเรื่อย ในเมื่อชั่วไม่สามารถเกิดได้ ดีมีมากขึ้นเรื่อยจนกระทั่งสมบูรณ์พร้อม เราก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:07
|