ดังนั้น..ในส่วนนี้ต้องบอกว่าแต่ละวัดต้องมีการเตรียมรับมือเอาไว้เป็นการเฉพาะ ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพก็จะทำเขื่อนในลักษณะคล้ายกับทางด้านสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นใช้ลองซีเมนต์ในขนาด ๘๐ เซ็นติเมตร ฝังชั้นแรกลงใต้ดิน แล้วก็เรียงชั้นต่อ ๆ ไปลดหลั่นกันขึ้นมา อย่างเช่นว่าถ้าชั้นแรก ๑๒ ใบ ชั้นที่สองก็จะเหลื่อมมาเป็น ๑๑ ใบ ชั้นที่สามก็เป็น ๑๐ ใบ ชั้นที่สี่ก็เป็น ๙ ใบ ในลักษณะแบบนี้ แล้วเทคอนกรีตเต็มแน่นทุกชั้น ก็จะกลายเป็นเขื่อนในลักษณะขั้นบันได ที่พอจะต้านแรงน้ำป่าเอาไว้ได้
ถ้าเรารู้ระดับน้ำสูงสุด ซึ่งสามารถสอบถามจากญาติโยมเก่าแก่ที่อยู่อาศัยริมน้ำใกล้วัด ว่าสูงประมาณเท่าไร ? ก็ทำเผื่อไว้สักชั้นสองชั้นก็ได้ ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ก็จะเป็นลักษณะของเขื่อนที่สามารถชมทิวทัศน์ริมน้ำได้อีกต่างหาก แต่ว่าค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างจะสูง แล้วในขณะเดียวกัน เราทำหน้าพื้นที่วัด แต่ถ้าพื้นที่ก่อนหรือหลังวัดไป ญาติโยมไม่ได้ทำก็เฮงพอกัน เนื่องเพราะว่าถึงเวลาน้ำก็จะไปล้นเข้าทางด้านนั้น..!
แบบเดียวกับจังหวัดชัยนาทที่ปลอดจากน้ำท่วมมา ๓๐ - ๔๐ ปีต่อเนื่องกัน เพราะว่าในสมัยท่านผู้ว่าฯ กาจ รักษ์มณี ท่านได้ทำถนนที่เป็นดินถมสูงจากพื้นขึ้นมาถึง ๔ - ๕ เมตร อยู่ในลักษณะการกั้นเขื่อนดินตลอดแนวจังหวัด ทำให้จังหวัดชัยนาทปลอดจากน้ำท่วมมาโดยตลอด แต่ปีนี้ความเก่าแก่ของเขื่อนดิน ทำให้น้ำเซาะถล่มทางด้านอำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท แล้วน้ำก็อ้อมเข้าจากทางด้านอำเภอสรรพยา มาถล่มตัวจังหวัดชัยนาททีหลัง ก็แปลว่าถ้าเครื่องมือที่เราป้องกันตลอดแนวเอาไว้ด้วยดี แต่ถ้าหัวท้ายไม่มีการป้องกัน ท้ายที่สุดก็ต้องเดือดร้อนเพราะน้ำท่วมจนได้..!
การที่เราจะอยู่ร่วมกับธรรมชาตินั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการคล้อยตามธรรมชาติ ถ้าทุกท่านศึกษาวิถีชีวิตของคนไทยภาคกลางโบราณ จะเห็นว่าทุกบ้านทำเป็นบ้านใต้ถุนสูง ก็คืออยู่ในลักษณะสูงจากพื้นขึ้นมา ๓ เมตรบ้าง ๒ เมตรครึ่งบ้าง ถ้าเป็นหน้าแล้ง ใต้ถุนก็เอาไว้ทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยที่มีความร้อนน้อยมาก เพราะว่านอกจากผ่านหลังคาแล้ว ก็ยังมีพื้นเรือนกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง พอถึงเวลาหน้าน้ำก็โยกย้ายขึ้นไปอยู่ชั้นบน โดยเฉพาะหน้าแล้งก็จะมีเรือขึ้นคานอยู่ พอใกล้หน้าน้ำก็จะมีการตอกหมัน ยาเรือ ทาน้ำมัน เตรียมการเอาไว้ ถึงเวลาหน้าน้ำก็แค่พลิกเรือลงน้ำ ผูกไว้กับหัวบันไดเท่านั้นเอง ต่อให้น้ำหลากมาเท่าไรก็ไม่เดือดร้อน สามารถที่จะสัญจรทางเรือได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:03
|