ครั้นพอหลังอายุ ๓๐ มา ไม่ต้องรอให้หลวงพ่อท่านทักแล้ว หากแต่วิ่งไปหาเสื้อกันหนาวมาใส่เอง..!
พอหลังอายุ ๔๐ ทำงานอะไรก็เริ่มรู้สึกว่าเหนื่อย
พอมาถึงอายุ ๕๐ นี่ก็เริ่มมีเวรมีกรรมแล้ว รู้สึกว่ากำลังแทบไม่พอที่จะทรงตัวได้ตลอดวัน ถ้าวันไหนทำงานหนัก ๆ ตั้งแต่เช้ายันเย็น ครั้นถึงเวลาทำวัตรค่ำ บางขณะก็เผลอไมโครโฟนหลุดมือเลยเพราะว่ากำลังหมด..!
เมื่อมาถึงอายุ ๖๐ คราวนี้ลุกก็โอย นั่งก็โอย ตื่นเช้าขึ้นมา ปวดเมื่อยไปทั้งตัว สิ่งแรกที่คิดอยู่ก็คือ "ทำอย่างไรที่เราจะลุกแล้วไม่ล้ม..!?
ดังนั้น..ญาติโยมก็ดี พระภิกษุสามเณรของเราก็ตาม อย่าให้เปลือกนอกของสังขารหลอกลวงเราได้เป็นอันขาด เนื่องเพราะว่าเจ้าของสังขารนั้นรู้ดีว่าร่างกายนี้ผุพังทรุดโทรขนาดไหน ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่ายังพอมีสิ่งหนึ่งประการใดที่จะเลียนแบบและทำตาม ก็จงเร่งมือเข้าไว้ ไม่เช่นนั้นถ้าปุบปับร่างกายนี้พังทลายลงไป ท่านทั้งหลายยังมีกำลังใจไม่พอรักษาตัวเอง ก็จะเป็นอะไรที่อนาถมาก..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 17:10
|