ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า วันนี้, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,411
ได้ให้อนุโมทนา: 160,013
ได้รับอนุโมทนา 4,515,877 ครั้ง ใน 37,025 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลาย ถ้าพิจารณาเห็นชัดเจนแล้ว ความสะดุ้งกลัวต่อความตายก็จะค่อย ๆ ลดน้อยถอยลง สภาพจิตยอมรับในความเป็นธรรมดาว่า "ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ เราก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสมบุญกุศลให้มากเข้าไว้ เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว ถ้าต้องไปอาศัยร่างกายใหม่ อย่างน้อยก็จะได้ร่างกายที่ใช้งานได้ดี ไม่พาให้เราลำบากเดือดร้อนมาก ยิ่งถ้าสามารถลาขาดตัดกุดกันไปเลย ไม่ต้องมาเกิดใหม่อีก ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่เราท่านทั้งหลายควรที่จะเร่งทำให้ถึง

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม จึงเป็นเรื่องที่ย่อหย่อนไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไร จึงต้องเร่งขวนขวาย ใช้เวลาทุกนาทีให้อยู่กับบุญอยู่กับกุศลให้มากที่สุด ไม่ว่าจะทำสิ่งหนึ่งประการใดอยู่ สภาพจิตส่วนหนึ่งก็ต้องจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า อีกส่วนหนึ่งก็รักษาไว้ที่ภาพพระ หรือว่าลมหายใจเข้าออก

ถ้าสามารถทำได้คล่องตัว อย่างน้อยก็จะช่วยประกันให้ท่านมีสุคติเป็นที่ไป แต่ถึงไม่คล่องตัวก็ตาม การที่ท่านค่อย ๆ สั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย ก็เหมือนกับสั่งสมน้ำวันละหยดสองหยด นานไปก็อาจจะเต็มถ้วยเต็มแก้วไปให้เราใช้งานได้เอง

เราท่านทั้งหลายได้โอกาส มีชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมแล้วน้อมนำมาปฏิบัติ ถือว่าชาตินี้ท่าน "สว่างมา" ดังนั้น..ก็ควรที่จะก่อกรรมทำดีให้มาก อย่างน้อย ๆ เมื่อถึงเวลาจะได้ "สว่างไป" ณ เบื้องหน้า

โดยเฉพาะเรื่องของบุญของกุศล เราจะไปหวังว่าตายแล้วเพื่อนจะมาทำให้ อย่างที่กระผม/อาตมภาพและพรรคพวกจะไปทำให้กับพระครูสมควรท่านนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรที่จะไปหวัง เนื่องเพราะว่าถ้าเราเตรียมพร้อมด้วยตนเอง ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปรอความเมตตา หรือความรัก ความคิดถึงจากใคร สามารถที่จะกระทำเองได้มากเท่าไร ก็ทำให้มากเท่านั้น

ถ้าคนอื่นเขาเมตตาทำเพิ่มให้ เราก็ยินดีและพลอยอนุโมทนา แต่ถึงเขาไม่ทำให้ เราสั่งสมมาอย่างเต็มที่แล้ว ก็ย่อมมีความมั่นใจในหนทางเบื้องหน้าของเรา ว่าจะต้องเต็มไปด้วยความสว่างรุ่งเรือง และท้ายที่สุด ถ้าหากว่าปัญญาญาณแก่กล้าถึงที่สุด ก็สามารถที่จะก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), เผือกน้อย (วันนี้), พี่เสือ (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)