ดังนั้น..ในการประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนที่ทำกันจนเป็นปกติ เท่ากับว่าเป็นการช่วยกันประคับประคองรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ เป็นเนื้อนาบุญให้ญาติโยมทั้งหลายได้สร้างบุญสร้างกุศลเพื่อความสุขของตนเอง ทั้งในชาติปัจจุบันนี้ ชาติต่อ ๆ ไป แล้วยังเป็นบันไดให้ท่านก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานด้วย
ส่วนในช่วงบ่าย กระผม/อาตมภาพได้นำพระภิกษุวัดท่าขนุนจำนวน ๓๖ รูป เนื่องเพราะว่ามีผู้ที่อยู่เวรยามอีกต่างหาก และมีพระภิกษุผู้เจ็บไข้อีกด้วย จึงเหลือพระภิกษุลงอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์แค่ ๓๖ รูปเท่านั้น การทบทวนพระปาฏิโมกข์นั้น เพื่อเป็นการตอกย้ำให้ทราบว่าศีลพระ ๒๒๗ ข้อมีอะไรบ้าง ? เราฟังแล้วก็จะได้ทบทวนตามไปว่าตนเองได้ละเมิดในข้อไหนบ้าง ? ถ้าหากว่าเป็นลหุกาบัติ (อาบัติเบา) ก็จะได้แสดงคืนในท่ามกลางสงฆ์
การทบทวนพระปาฏิโมกข์เท่ากับเป็นการรักษาพระวินัยซึ่งเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา เนื่องเพราะว่าพระภิกษุสามเณรก็ดี แม่ชีหรืออุบาสกอุบาสิกาก็ดี จะทรงความเป็นพระภิกษุสามเณร แม่ชีหรืออุบาสกอุบาสิกา เอาไว้ได้ก็ด้วยศีล ที่ท่านต้องระมัดระวังรักษาให้สมบูรณ์บริบูรณ์ แล้วหลังจากนั้น ในส่วนของสมาธิและปัญญา ก็เป็นส่วนที่ท่านทั้งหลายจักต้องขวนขวายเพื่อความก้าวหน้าแห่งตนยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เมื่อทบทวนพระปาฏิโมกข์เสร็จแล้ว ออกจากอุโบสถมา ก็ได้มอบหมายให้พระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน นำผู้เข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันพระใหญ่นี้ วางผางประทีปจำนวนอย่างน้อย ๑๐,๐๐๐ ดวง เพื่อตามถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ หรือที่ทุกท่านเรียกกันง่าย ๆ ว่า "วันลอยกระทง"
ความจริงวันลอยกระทงนั้นมาจากวัฒนธรรมอินเดียในการตามประทีปที่เรียกว่า "ดีปวาลี" แต่ว่าเมื่อมาถึงบ้านเราเมืองเรา ก็มีการปรับ เพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมและสังคมไทย จึงเป็นการลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท ที่ริมน้ำนัมมทานที
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:01
|