วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ฝนฟ้าเว้นให้ในช่วงได้อรุณ กระผม/อาตมภาพจึงนำพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตโดยที่ไม่เปียก แต่ถึงฝนจะตกก็ตาม ทางวัดท่าขนุนก็ไม่ได้เว้นว่างจากการบิณฑบาต พูดง่าย ๆ ว่าสถานการณ์จะหนักหนาสาหัสขนาดไหน วัตรปฏิบัติที่เคยทำของพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน ก็จะไม่ขาดลงไป
การที่เรากระทำความดีอย่างใดอย่างหนึ่งโดยต่อเนื่องตามกันไม่ขาดสาย ย่อมบังเกิดเป็น "ฤทธิ์" ขึ้นมาเอง คำว่า "ฤทธิ์" ในที่นี้ ตามความรู้สึกของพวกเราก็คือ อำนาจวิเศษบางอย่างที่เหนือกว่าคนอื่น แต่ถ้าดูในภาษาบาลีแล้ว คำว่า "ฤทธิ์" มาจาก "อิทธิ" ที่แปลว่า "สำเร็จ" ดังนั้น..ต่อให้ฝนตกหนักขนาดไหนก็ตาม วัดวาอารามอื่นเขาไม่ออกบิณฑบาต แต่พระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนมี "ฤทธิ์" สามารถออกบิณฑบาตได้ตามปกติ..!
เพียงแต่ว่าวันนี้เป็นวันพระใหญ่ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ญาติโยมจึงใส่บาตรมากกว่าปกติ ทำเอากว่าที่จะเดินกลับวัด บาตรก็หนักจนไหล่ลู่ไปตาม ๆ กัน..! แต่ก็รู้สึกยินดีที่ว่าญาติโยมพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ไม่ได้ว่างเว้นจากการสร้างบุญสร้างกุศลสำหรับตัวเอง ซึ่งในเบื้องต้นนั้น ถ้าหากว่าท่านกระทำเป็นปกติ ในสายตาของบุคคลทั่วไปก็จะเห็นอย่างชัดเจนว่า ท่านเป็นผู้ที่อยู่ในศีลกินในธรรม ใครเห็นก็เกิดความรักใคร่เมตตา เพราะรู้ว่าท่านเป็นคนดี สิ่งนี้จัดเป็น "ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์" คือ ประโยชน์ที่เห็นทันตาในชาติปัจจุบันนี้
แล้วถ้าหากว่าท่านกระทำจนเคยชินแล้วย่อมมีสุคติเป็นที่ไป ทานที่ท่านทำย่อมส่งผลให้ชาติต่อไปของท่านเป็นผู้อุดมสมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติทั้งปวง ศีลที่ท่านรักษาก็นำพาให้ท่านไปเกิดเป็นบุคคลผู้ที่มีรูปสวย มีจิตใจที่ดีงาม ภาวนาที่ท่านได้กระทำ ก็จะนำพาให้ท่านเป็นผู้มีปัญญามาก ต่อให้เกิดอุปสรรคหนักหนาขนาดไหนในทางโลก ก็แก้ไขให้ลุล่วงไปได้ หรือถ้ามีอุปสรรคในทางธรรม ก็จะมีดวงปัญญาญาณอันแก่กล้า สามารถพิจารณารู้แจ้งแทงตลอดถึงข้อธรรมนั้น และเข้าถึงมรรคผลในส่วนที่ตนเองต้องการได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:59
|