ส่วนครูบาอาจารย์ก็โดนระบบการศึกษากดหัวเอาไว้ สารพัดเอกสารที่ต้องทำ ที่ต้องรายงาน ไม่อย่างนั้นก็หาความก้าวหน้าไม่ได้ จนกระทั่งหาเวลามาเตรียมการเรียนการสอนให้ดีก็ยาก จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่เวลาศึกษานิเทศก์ไปตรวจสอบ ปรากฏว่าเด็กชั้น ป.๖ แล้วยังอ่านหนังสือไม่ออก เพียงแต่ว่าถ้าท่องตามเพื่อนจะท่องได้หมด ให้ชี้ทีละตัวชี้ไม่ถูก ก็เพราะว่าระบบการศึกษาห่วย ๆ ที่เอามาทดลองกับเด็กไทย โดยไม่ได้ดูบริบทสังคมของเรา ก็คือให้เด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียน
แต่ว่าเด็กของเราเองนั้น ประการแรก ได้รับการอบรมสั่งสอนมาคนละแบบกับเด็กของต่างประเทศ ของต่างประเทศเขาทันทีที่จับช้อนเล่นได้ พ่อแม่ก็ส่งชามอาหารให้เลย จะกินหรือจะเล่นก็ตามใจ ละเลงให้เละทั้งบ้านก็ไม่มีใครว่า แต่หลังมื้ออาหาร เก็บล้างเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีให้อีกจนกว่าจะถึงมื้อหน้า พวกเด็กเขาจะเรียนรู้ในเวลาอันรวดเร็วว่า "ถ้าไม่ตักใส่ปากก็จะหิว" จึงกินเองเป็นตั้งแต่เด็ก ๆ
ส่วนบ้านเรา บางทีจะ ๑๐ ขวบอยู่แล้ว ยังต้องวิ่งไล่ป้อนรอบบ้านอยู่เลย ไม่ต้องใครหรอก ท่านอาจารย์พรทิพย์ (ศ.พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์) คุณหมอนักพิสูจน์ศพนั่นแหละ น้องเท็นซึ่งเป็นลูกสาว จะกินข้าวได้คำหนึ่ง ต้องรอรถไฟวิ่งมาขบวนหนึ่ง ก็คือพอถึงเวลาเห็นรถไฟแล้วก็ตบมือดีใจ อ้าปากหัวเราะ แม่ก็ยัดข้าวเข้าปากได้คำหนึ่ง ความจริงแค่ไม่รักลูกมากจนเกินไป ไม่กินก็ช่างหัวมัน ไม่เกิน ๓ มื้อ ลูกก็ตะกายมาหากินเอง..!
แล้วคราวนี้การศึกษาของเราให้เด็กเป็นศูนย์กลาง แต่เราไม่เคยสอนให้เด็กคิดเองทำเอง แม้กระทั่งครูบาอาจารย์ที่มาสอน ก็แทบจะไม่เคยได้รับการสอนให้คิดเองทำเอง แล้วจะเอาความรู้ที่ไหนมาถ่ายทอดให้กับเด็ก ? พ่อแม่ที่เห็นจุดบกพร่องตรงนี้ ก็พยายามส่งลูกเข้าโรงเรียนอินเตอร์ เพราะว่าส่วนใหญ่เด็กอินเตอร์นั้น เขาสอนให้กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ แต่ค่าเล่าเรียนก็สูงโคตร..! ปัจจุบันนี้บางโรงเรียนเทอมหนึ่ง ๕ - ๖ แสนบาท ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ที่มีฐานะ ใครจะส่งไหว แค่เข้าชั้นอนุบาลก็ต้องจ่ายเป็นแสนแล้ว..!
ถือว่าระบบการศึกษาของไทยเราล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แถมนักการเมืองก็ดี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ครูบาอาจารย์ก็เป็นตัวอย่างให้กับเด็กไม่ได้ ซ้ำยังแสวงหาประโยชน์ที่มิชอบเข้าตัวแบบใจกล้าหน้าด้าน เหมือนอย่างกับว่าจะยืนหยัดอยู่ได้ตลอดชาติโดยที่ไม่ตกต่ำ ขอบอกว่ากฎของกรรมนั้นเที่ยงตรงเสมอ หมดอำนาจวันไหน ความซวยจะมาถึงท่านเองในวันนั้น..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:51
|