ปกิณกธรรมงานทอดกฐินปลดหนี้ วัดน้อย จ.สุพรรณบุรี วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘
กราบขอโอกาสท่านพระครูขันติวรานุสิฐ (สามารถ ขนฺติวโร) เจ้าอาวาสวัดน้อย เจ้าคณะตำบลโคกคราม เขต ๒ และพระเถรานุเถระทุกรูป ขอเจริญพรญาติโยมและเจ้าภาพทุกท่าน เดี๋ยวอีกสักครู่หนึ่ง ทางคณะสงฆ์วัดน้อยจะทำการกรานกฐินในอุโบสถ เสร็จแล้วก็ออกมาอนุโมทนา กรวดน้ำรับพรกันตรงนี้
ในช่วงระหว่างนี้ กระผม/อาตมภาพขออนุญาตใช้เสียงบอกกล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า เรื่องของกฐินนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา ในสมัยก่อนพระภิกษุแต่ละรูปกว่าที่จะหาผ้ามาทำจีวรได้ บางทีใช้เวลาหลายเดือน เนื่องเพราะว่าต้องคอยเก็บผ้าเก่าที่ชาวบ้านเขาทิ้งแล้ว เอามาซัก มาเย็บ มาย้อม จนกระทั่งได้ขนาดตามที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ ซึ่งเรียกว่าผ้าบังสุกุล ก็คือผ้าเปื้อนฝุ่น หรือผ้าคลุกฝุ่น
คราวนี้ด้วยความที่หายากมาก พระภิกษุบางรูปก็ไม่มีผ้าที่จะเปลี่ยนใหม่ ทั้ง ๆ ที่ของเก่าก็เปื่อยผุพังไปแล้ว หรือว่าอาจจะโดนคนลักขโมยไป องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงได้อนุญาตให้รับคหปติจีวร ก็คือจีวรที่คณะญาติโยมตั้งใจถวาย แต่ก็ไม่ได้อนุญาตให้รับทั่วไป ให้รับเฉพาะใน "กาลจีวร" ก็คือช่วงเวลาที่พระจะหาผ้ามาทำจีวรได้เท่านั้น
ถ้าโดยทั่วไปก็ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ จนถึงกลางเดือน ๑๒ พอมาในยุคปัจจุบันของเรานี้ ผ้าผ่อนท่อนสไบหาง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธเจ้าจะให้พระภิกษุสงฆ์ของเราฟุ่มเฟือยได้ ก็ยังคงใช้ผ้าในลักษณะเดิม
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ท่านทั้งหลายร่วมบุญมา ขอให้ทุกท่านเข้าใจว่า อานิสงส์หรือว่าบุญหลัก ๆ ที่เราจะได้เลย ก็เกิดจากผ้าไตรจีวร ส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นเงินมากน้อยเท่าไร เขาเรียกว่า "บริวารกฐิน"
แต่ในปัจจุบันนี้คนเราหลงประเด็นไปว่าเงินมาก ๆ ถึงจะดี แต่ความจริงแล้ว เงินมากเท่าไรก็เป็นแค่บริวารกฐิน ตัวกฐินที่แท้จริงก็คือผ้า จะเป็นผ้า ๑ ผืน ที่อย่างน้อยที่สุดกว้างคืบยาวคืบขึ้นไป ในปัจจุบันนี้เรามักจะถวายเป็นผ้าสบงบ้าง ผ้าจีวรบ้าง ผ้าสังฆาฏิบ้าง แล้วส่วนใหญ่ก็นิยมถวายครบทั้งไตรไปเลย ก็แปลว่าอานิสงส์ใหญ่ของเราอยู่ที่ตรงนั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 13:29
|