ในช่วงที่พระท่านไปกรานกฐินกัน กระผม/อาตมภาพจึงได้ขออนุญาตใช้เสียงชี้แจงให้กับญาติโยมทั้งหลาย ให้ได้ทราบถึงสถานการณ์ของพระพุทธศาสนา ที่ไม่ดีต่อกำลังใจของทุกคน เนื่องเพราะว่าปัจจุบันนี้ผู้รู้มีมาก แต่หาผู้รู้จริงไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นอัตโนมติ จึงทำให้การปฏิบัติตนในพระพุทธศาสนานั้นผิดเพี้ยนไปมาก
โดยเฉพาะสิ่งดี ๆ ที่ปู่ย่าตาทวดของเราทำสืบเนื่องกันมา ก็กลายเป็นว่าทำอันโน้นก็บาป ทำอันนี้ก็โง่ ต้องชี้แจงให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราทำในทาน ในศีล ในภาวนา โดยเฉพาะหลักสำคัญคือศีล สมาธิ ปัญญานั้น เราจะทิ้งไม่ได้
ในส่วนของบุญนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ตราบนั้นบุญยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าการทำบุญนั้นส่งผลให้ในด้านดีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ด้วยเหตุที่เราท่านทั้งหลายสร้างบุญกุศลไม่ต่อเนื่อง มีทำความดีบ้าง ความชั่วบ้าง สลับกันไป ประมาณที่โบราณว่า "ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน" จึงได้รับความดีบ้าง ความชั่วบ้าง ตามบุญตามกรรมที่ตนเองสร้างมา จึงทำให้ท่านทั้งหลายบางทีก็ขาดความเชื่อมั่นว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" เนื่องเพราะว่าตนเองทำดีอยู่ แต่กลับได้รับผลกรรมชั่วมาสนองพอดี จึงขาดความมั่นใจในการทำความดีของตน
มีบาลีได้บอกไว้ในมหากัมมวิภังคสูตร พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า
บุคคลที่ทำความชั่วในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะได้ดี
บุคคลที่ทำความชั่วในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ได้ชั่วแน่นอน
บุคคลที่ทำความดีในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะได้ชั่ว
ส่วนบุคคลที่ทำความดีในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ต้องได้ดีอย่างแน่นอน เหล่านี้เป็นต้น
ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่มั่นใจในเรื่องของคุณงามความดี เราลองมานึกดูว่า ถ้าหากว่าเราทำความดีแล้วนรกสวรรค์ไม่มี เราก็เสมอตัว เนื่องเพราะว่าทำแล้วไม่ได้อะไร แต่ถ้านรกสวรรค์มี เราสร้างความดี เราก็ได้กำไร เพราะว่าเราไปที่ดีอย่างแน่นอน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:48
|