ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า วันนี้, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,387
ได้ให้อนุโมทนา: 159,930
ได้รับอนุโมทนา 4,515,020 ครั้ง ใน 36,999 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลักษณะของการแห่รอบโบสถ์ ก็คล้ายคลึงกับสมัยที่ท่านย่าวิสาขาสร้างวัดบุพพารามเสร็จ ด้วยความปลาบปลื้มใจก็นำลูกหลานฟ้อนรำรอบบุพพาราม ซึ่งเป็นวิหารหลังใหญ่ ทำเอาบรรดาพระภิกษุสงฆ์เห็นแล้วก็ยังงง สอบถามกันว่า "มหาอุบาสิกาเกิดอาการดีกำเริบหรืออย่างไร ?" ปกติท่านก็เป็นคนเรียบร้อย ไม่เคยฟ้อนไม่เคยรำกับใคร แต่ว่าวันนั้น ด้วยความปลื้มปีติที่บุญใหญ่ของตนเองสำเร็จลง จึงนำลูกหลานฟ้อนรำเป็นการใหญ่

เนื่องเพราะว่าท่านสร้างวัดบุพพารามไปเป็นเงิน ๙ โกฏิ ถ้าเป็นสมัยนี้คิดง่าย ๆ ก็ ๙๐ ล้านบาท แล้วจัดงานฉลองไปอีก ๙ โกฏิ รวม ๆ แล้วก็หมดไป ๑๘๐ ล้านบาท ดีใจที่ได้ใช้เงิน..! ก็เลยพาลูกหลาน ซึ่งประกอบไปด้วยลูกชาย ๒๐ คน สะใภ้ ๒๐ คน หลานอีก ๔๐๐ คน ฟ้อนรำกันรอบมหาวิหารซึ่งสมัยนั้นเรียกกันว่าปราสาท คือ มิคารมาตุปราสาท

คำว่า ปราสาท นั้นก็คืออาคารหลาย ๆ ชั้น ถ้าอย่างสมัยนี้ คอนโดมิเนียมก็จัดอยู่ในประเภทปราสาทในภาษาบาลีเช่นกัน ไม่ใช่ปราสาทราชวัง สถานที่อยู่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเหมือนอย่างความเข้าใจของเรา

เมื่อแห่ครบแล้ว กลับขึ้นมาสู่ศาลา ญาติโยมก็ยังมาทำบุญกันอีกพักใหญ่ จนกระทั่งเวลา ๑๐ โมงตรงก็มีการขอศีล รับศีล แล้วพิธีกรขออนุญาตในการชุมนุมเทวดา กระผม/อาตมภาพเองมองหน้าบรรดาท้าวมหาราชแล้วก็ยังสงสัยว่า ท่านมากันจนครบถ้วนขนาดนี้แล้ว ยังจะชุมนุมไปทำอะไร ? แล้วพิธีกรก็เจอรายการ Eraser ก็คือ
โดนลบความจำเสียเกลี้ยง ไม่สามารถที่จะชุมนุมเทวดาได้จบ..!

กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วขำก็ขำ ไปนึกถึงตอนไปร่วมงานที่วัดหุบกระทิง จังหวัดราชบุรี ซึ่งพราหมณ์ท่านก็อัญเชิญเทวดา แล้วก็ลงท้ายด้วยคำว่า "จงมา จงมา" กระผม/อาตมภาพเห็นท้าวเวสสุวรรณเอากระบองเคาะพื้น ประมาณว่า "ถ้ามึงเรียกอีกพักหนึ่ง..โดนกูตีกบาลแน่..!"

งวดนี้ก็เหมือนกัน เพราะว่าพิธีกรไม่สามารถที่จะขึ้น "อุตตะรัญจะ ทิสัง ราชา กุเวโร ตัปปะสาสะติฯ" ได้ เพราะว่าเป็นเรื่องของการอัญเชิญท้าวเวสสุวรรณท่าน ซึ่งจากที่หุบกระทิงท่านก็บอกไว้แล้วว่า "เอ็งมีความดีอะไรถึงจะมาเรียกใช้ข้า ?" กระผม/อาตมภาพเองก็นึกอยู่เหมือนกันว่า เราเหมือนกับชาวบ้านธรรมดา แต่ไปเรียกใช้พระมหากษัตริย์ ก็น่าไม่น่าจะใช่อยู่เหมือนกัน..!

ดังนั้น..เมื่อให้คำแนะนำพิธีกรไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นำเจ้าภาพทั้งหลาย ซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าภาพใหญ่ ก็คือไปรษณีย์นครหลวงเขต ๔ และกรมดุริยางค์ทหารบก ตลอดจนกระทั่งเจ้าภาพเล็กอีกมากมาย หลายสิบหลายร้อยคน ร่วมกันถวายกฐิน ซึ่งตอนนี้บริวารกฐินเพิ่มขึ้นมาอีก ๒๐๐,๐๐๐ กว่าบาท จนกระทั่งพวกเราเพิ่มเข้าไปอีก ๕๖๐ บาท กลายเป็นยอด ๒,๘๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน ถวายให้กับพระครูสามารถท่านไปแล้ว ก็มีการอปโลกน์กฐิน แล้วก็ขอตัวไปกรานกฐินกันในอุโบสถ ซึ่งความจริง
กฐินนั้นไม่ใช่ญัตติจตุตถกรรม ไม่จำเป็นต้องกรานในอุโบสถก็ได้ เพราะว่ากฐินนั้นสวดประกาศแล้วสวดกรรมวาจา ๑ จบ ก็ใช้ได้แล้ว เรียกว่าญัตติทุติยกรรมวาจา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), ชุณหพงศ์ (วันนี้), นิรันตราย (วันนี้), เผือกน้อย (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ยอดไผ่ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)