[เถรี]

ท่านเจ้าคุณหลวงตาเมตตาตักเตือนพระปลัดเอกลักษณ์ท่านในเรื่องของบัญชี ซึ่งท่านก็ยืนยันว่าพยายามที่จะทำอยู่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปโดนสอบสวน แม้ว่ารายชื่อจะขึ้นอยู่ในบัญชีของเขาแล้วก็ตาม ท่านเจ้าคุณหลวงตาหันมาชี้กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ยกเว้นรายนี้ สอบให้ตายก็คงไม่ได้อะไร เพราะว่าทำแม้กระทั่งบัญชีเงินส่วนตัว..!"

กระผม/อาตมภาพจึงเล่าเรื่องที่ออกไปสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีเป็นเวลา ๘ เดือน แล้วพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านก็มาแบบภาษาวัยรุ่นว่า "ตัวเป็น ๆ" ท่านถามว่ากระผม/อาตมภาพว่า "แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบด้วยความภูมิใจว่า "ไม่มีครับ เพราะว่าผมผลักลงในเงินสงฆ์จนหมด" ท่านก็ถามต่อว่า "แกใช้เพื่อสงฆ์ไปเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบว่า "ไม่ทราบครับ"

"แกใช้เพื่อส่วนตัวไปเท่าไร ?" ตอบว่า "ไม่ทราบครับ" เท่านั้นเอง ไม้เท้าก็ลงหัวเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..! ท่านบอกว่า "ไปรื้อบัญชีทำใหม่เดี๋ยวนี้ ทุกบาททุกสตางค์รับมาจากใคร จ่ายไปในเรื่องอะไร ถ้ามีคนสอบถามต้องตอบเขาได้..!" กระผม/อาตมภาพจึงได้ทำบัญชีมาตั้งแต่ต้นปี ๒๕๓๖ มาจนถึงป่านนี้ก็เป็นเวลา ๓๐ กว่าปีเข้าไปแล้ว..!

เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นความเมตตาของครูบาอาจารย์ที่ท่านเกรงปัญหาจากเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ แล้วก็มั่นใจว่าครูบาอาจารย์ท่านรักและเป็นห่วงลูกศิษย์ลูกหาทุกคน เพียงแต่ว่าเมื่อท่านรักท่านห่วงแล้วไปหา กลับไม่มีใครสามารถที่จะรับรู้ได้ ถ้าอย่างนั้นท่านก็ไม่ทราบว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกัน ?!

ในส่วนของพระปลัดเอกลักษณ์นั้น ท่านยังอายุน้อย เรี่ยวแรงดี มีกำลังก็ทำไป แต่ส่วนหนึ่งที่ควรจะทำก็คือต้องหากองทุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดเอาไว้ด้วย พระปลัดเอกลักษณ์ท่านยังเป็นพระหนุ่ม เรี่ยวแรงดี มีคนศรัทธา เพราะว่าศึกษาความรู้มาหลากหลาย โดยเฉพาะด้านหมอดู จึงมีคนขึ้นด้วยเป็นจำนวนมาก ต้องพยายามรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเผลอเมื่อไร เรื่องใหญ่ก็จะมาถึงตัวได้..!

เพราะว่าสมัยนี้พระของเราถ้าเด่นถ้าดังขึ้นมาเมื่อไรก็กลายเป็นไม้ใหญ่ต้องลมแรง โดยเฉพาะในส่วนของวัดพุทธพรหมยาน (พิชญ์ชาราม) แห่งนี้ รับกฐินแต่ละปีเป็นร้อยล้านบาท แต่ท่านก็ไม่ได้ไปดูว่าเขาสร้างไปกี่ร้อยล้านถึงพันล้านแล้วหรือยัง ? ดูอยู่อย่างเดียวว่ารายรับมาก แล้วก็จ้องจะเล่นงาน เหล่านี้เป็นต้น