เพราะฉะนั้น..พวกเราต้องพิจารณาวิปัสสนาญาณให้มากขึ้น เห็นทุกอย่างว่าไม่เที่ยงอย่างไร ? เป็นทุกข์อย่างไร ? ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราอย่างไร ? แล้วก็ถอนใจจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวเองขึ้นมา เพราะว่าไม่มีไอ้ที่นั่งหัวโด่อยู่นี่หรอก สักแต่ว่าเป็นรูป สักแต่ว่าเป็นธาตุ ที่เรามาอาศัยอยู่ชั่วคราว ตามบุญตามกรรมที่ทำเอาไว้ พอถึงเวลาอยู่ไม่ได้ ต้องพังสลาย กลายเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม คืนให้กับโลกไป
เดี๋ยววันนี้ไม่มีที่ไปแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้วนี่ เคว้งคว้างหาที่ยึดไม่ได้ วิ่งพล่านไปทั้งวัด..หมากัดแน่..! ถ้าหาที่ยึดไม่ได้ก็ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ไว้ก่อนนะ คราวนี้พอเราซักซ้อมมาก ๆ เข้า กำลังใจคลายการยึดเกาะไปเรื่อย ๆ ของที่เคยรักก็รักน้อยลง ของที่เคยยึดมั่นก็ยึดน้อยลง ก็จะค่อย ๆ สลัด ตัดออก ไปทีละน้อย..ทีละน้อย บาลีเขาว่าจาโค คือจาคะ..บริจาค สละออก ปฏินิสสัคโค..โยนทิ้งไปเลย อันนี้แรงขึ้นไปอีกหน่อย
ถ้าหากว่ากำลังใจมาถึงตรงจุดนี้นี่ บางคนต่อให้ร่ำรวยแค่ไหนก็ไม่เอาแล้ว แต่ขอบอกว่ายังเป็นกำลังใจที่ยังไม่มั่นคงจริง ๆ ยังต้องระมัดระวังประคับประคองอยู่ เพราะว่าถ้าเผลอเมื่อไร อาจจะถอยกลับไปเห็นความดีความงามใหม่
เราจะเห็นมหาเศรษฐีพันล้านมาบวชอยู่วัดป่าเฉยเลย ประเภทลูกหลานของหลวงปู่ภัททิยศากยราชา ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ สละราชสมบัติออกบวช ปลดโน่นนี่นั่นทิ้งได้หมด "โอ๊ย..สุขจริงหนอ..สุขจริงหนอ" ก่อนหน้านี้ทุกอย่างท่านต้องแบกทั้งหมด..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-10-2025 เมื่อ 02:16
|