เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า พระภิกษุสมัยก่อนบางท่านก็เป็นขุนศึกนักรบมาบวช บางท่านก็เป็นนักดนตรีมาบวช ถ้าหากว่าไปจับสิ่งของที่ชวนให้นึกถึงอาชีพเก่า ๆ จิตใจก็อาจจะไม่สงบ แล้วก็ทำให้สึกหาลาเพศไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงห้ามเอาไว้
กระผม/อาตมภาพเองนั้นจะทำอะไรนั้นต้องนึกก่อนเลยว่าจะทำให้ศีลขาดหรือเปล่า ? เมื่อได้ยินว่าเอ็นซีทัวร์จัดบริการพิเศษให้ร่วมการยิงธนู ก็ตั้งใจว่าจะต้องเป็นแค่คนดูเท่านั้น ด้วยเหตุดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น
วันนี้ห้องอาหารเปิดก่อนเวลาตามเคย พวกเราเข้าไปทำหน้าที่หล่อเลี้ยงร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งใจจะขึ้นรถบัสไปรอการเดินทาง แต่เจ้าหน้าที่ของทางเอ็นซีทัวร์แจ้งว่า การไปยิงธนูนั้นจะมีสนามยิงธนูและปาเป้าของทางโรงแรม Olathang แค่เดินไปไม่ไกลก็ถึงแล้ว พวกเราจึงเดินไปจนถึง
มัคคุเทศก์ท้องถิ่นสาธิตการยิงธนูให้ดู ว่าจะต้องจับอย่างไร ? พาดลูกธนูอย่างไร ? คีบลูกธนูและเหนี่ยวสาย ปล่อยลูกธนูอย่างไร ? แล้วก็หันมาหากระผม/อาตมภาพ บอกว่า "Lama..Your first." กระผม/อาตมภาพบอกว่าไม่ได้ เพราะว่าพระไทยนั้นห้ามจับอาวุธทุกชนิด เขาจึงหันไปให้คนอื่น ๆ ทดสอบการยิงธนู ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่ "ไม่เป็นมวย" ทั้งสิ้น..!
จึงกลายเป็นว่ายิง "ออกนอกลู่นอกทาง" บ้าง ลูกธนูตกในระยะใกล้บ้าง จนกระทั่งท้อใจก็เปลี่ยนไปสนามปาเป้า แต่ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะว่าปาเท่าไรก็ไม่ถูก เลยหัวไปบ้าง ตกด้านข้างบ้าง ตกไม่ถึงเป้าบ้าง..!
กระผม/อาตมภาพเห็นว่า ลูกดอกปาเป้าไม่น่าจะถือว่าเป็นอาวุธ จึงได้แสดงให้ทุกคนดู หยิบขึ้นมาขว้างส่งเดช ปักเดียวก็ตกกลางเป้าเป๊ะเลย เพียงแต่ว่าสูงกว่าใจกลางเป้า ประมาณว่าถ้าเล็งหน้าอกก็ไปโดนคอหอยพอดี ทำเอามัคคุเทศก์และญาติโยมปรบมือกันเกรียวกราว ส่วนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นคะยั้นคะยอจะให้ยิงธนูให้ดูด้วย แต่กระผม/อาตมภาพยืนยันว่าเป็นตายอย่างไรก็ไม่ได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 14:57
|