อีกวิธีหนึ่งก็พิจารณาเห็นทุกข์ เห็นโทษ เห็นความเป็นธรรมดาว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก่อทุกข์ให้กับเรามานับชาติไม่ถ้วนแล้ว ถ้าหากว่าเรายังยินดี ยังรับเข้าไปในใจของเราอีก ก็จะก่อทุกข์ให้เราอีกนับชาติไม่ถ้วนต่อไป ในเมื่อเห็นและรังเกียจเสียแล้ว ก็ไม่คิดที่จะนำเข้ามาสู่ใจ
บาลีท่านใช้คำว่า เหมือนบุรุษผู้ตกอยู่ในหลุมคูถ ก็คือสมัยก่อนเป็นส้วมหลุม คนตกลงไป เลอะขี้ทั้งตัว มีผู้ช่วยเหลือขึ้นมา ทำการชำระร่างกายสะอาดดีแล้ว ให้สวมใส่ผ้าใหม่ คล้องพวงมาลัยดอกไม้หอม แล้วให้กระโดดลงไปในหลุมคูถอีก ไม่มีใครยินดีกระทำ..!
ปัญญาเราจะถึงไหม ? ตอนนี้เบื่อ ๆ อยาก ๆ แล้วก็อยากมากกว่าเบื่อ..ตายแน่..! เอาวิธีที่หนึ่งก็แล้วกัน เหนื่อยหน่อยแต่ว่าอย่างไรเสียก็พ้นไปได้ชั่วคราว ดังนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมส่วนที่สำคัญก็คือต้องใช้ปัญญา คำว่า ใช้ปัญญา ในที่นี้ก็คือปัญญาในวิปัสสนาญาณ ถ้าหากว่าเป็นวิปัสสนาญาณ ๙ ตามในวิสุทธิมรรคก็จะเริ่มที่
อุทยัพพยานุปัสนาญาณ เห็นการเกิดการดับเป็นปกติ เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป ไม่ใช่ท่องได้ แต่ว่าเห็นนั้นจริง ๆ
คนเราเป็นเด็กเล็ก เป็นเด็กโต เป็นหนุ่มสาว เป็นวัยกลางคน เป็นคนแก่ แก่มาก ท้ายที่สุดก็ตาย มองไปทางไหนเห็นการเกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป ตลอดเวลา ในเมื่อเห็นอย่างนั้นก็จะรู้สึกว่าไม่มีอะไรในโลกนี้เป็นแก่นสารเลย ทุกอย่างเกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป ทั้งหมด สภาพจิตก็จะถอนจากการยึดมั่นถือมั่นออกมา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2025 เมื่อ 03:14
|