ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 26-10-2025, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,367
ได้ให้อนุโมทนา: 159,878
ได้รับอนุโมทนา 4,514,206 ครั้ง ใน 36,980 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพได้รับคำบอกเล่าว่า การเดินขึ้นไปเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดเขารังเสือ แล้วเดินลงมานั้น ใช้เวลาขึ้นลงประมาณ ๕ ชั่วโมง แต่ด้วยความที่ตนเองไม่ค่อยจะเชื่อถือเรื่องพวกนี้ จึงได้เดินขึ้นไปจนถึงจุดสำคัญ ก็คือจุดยอดนิยมในการถ่ายรูปกับวัดเขารังเสือ โดยใช้เวลาไปประมาณ ๓๖ นาทีเท่านั้น..!

แล้วตอนช่วงนี้ บรรดานักท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็เริ่มมากขึ้น พวกเราหยุดหามุมถ่ายรูปวัดเขารังเสือกันอยู่พักใหญ่ จึงทำให้ป้ามอย (นางสาวมณีวรรณ สัมฤทธิ์) ลูกปุ๊ก (นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) ลูกน้ำ (ผศ.ดร.สพญ.ชลาลัย เรืองหิรัญ) ทิดแจ๊ก (นายกรชัย บันดาลศิริกุล) น้องโอ (นางสาวปาริฉัตร อายุวัฒนะ) เดินตามมาทัน พวกเราจึงเดินลงบันไดไป ซึ่งจากช่วงนี้ขาลงนั้นถือว่าง่าย เพียงแต่ต้องนึกถึงขาขึ้นด้วย เนื่องเพราะว่าบันไดพาดิ่งลง คดเคี้ยวไปมาเป็นระยะถึง ๗๐๐ ขั้น..!

เมื่อลงไปยังไม่ถึงสุดบันได ก็ได้ยินเสียงน้ำตกดังสนั่นหวั่นไหว กว่าจะหาเจอว่าน้ำตกลงมาจากซอกเขาสูงลิบลิ่ว ก็เล่นเอามองหาอยู่นาน ลักษณะคล้าย ๆ "น้ำตกตาดหมอก" ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นสายน้ำที่ช่วยหล่อเลี้ยงวัดเขารังเสือแห่งนี้

พวกเราถ่ายรูปกันแล้วก็เดินขึ้นไปบนวัด เมื่อ "พีจี" ซึ่งเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นตามมาถึง ก็แจ้งพวกเราว่า ข้าวของทุกอย่างจะต้องฝากเข้าล็อกเกอร์เอาไว้ตรงนี้ โดยเฉพาะห้ามมีโทรศัพท์มือถือติดตัวอย่างเด็ดขาด ยกเว้นเงินที่จะทำบุญเท่านั้น พวกเราจึงต้องมาหาทางฝากข้าวฝากของกันก่อน

เสร็จเรียบร้อยแล้วก็มาผ่านเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจตั๋วและตรวจร่างกาย ปรากฏว่าพอเจ้าหน้าที่ลูบ ๆ คลำ ๆ ผู้ชายไป ๔ - ๕ คน มาถึงคิวสาวภูฏาน แม่เจ้าประคุณก็สุดที่จะทะลึ่ง ก็คือถลกเสื้อขึ้นมาให้คลำ เล่นเอาเจ้าหน้าที่สะดุ้งชะงักมือ แม่เจ้าประคุณก็เลยวิ่งหัวเราะกรี๊ดกร๊าดกับพรรคพวก ๓ - ๔ คนขึ้นข้างบนไป ทำเอาพวกเราฮากันท้องคัดท้องแข็ง..!

ทางด้านบนที่เราขึ้นไปนั้น ถ้าหากกล่าวกันตามแบบของพวกเรา ก็คือแบ่งออกเป็นห้อง ๆ แต่ที่นี่เขาไม่เรียกว่าห้อง เขาเรียกว่าวัดเลยทีเดียว รวมแล้วว่าวัดเขารังเสือนี้ ก็คือวัดที่เป็นส่วนรวมของวัดย่อยรวมทั้งหมด ๗ วัดด้วยกัน ซึ่งตามประวัติในตอนต้นนั้น คุรุรินโปเช ซึ่งเป็นพระอาจารย์ชื่อดังของทางพุทธศาสนาสายวัชรยาน ได้ขี่นางเสือเหาะมาลงที่ถ้ำบริเวณนี้ แล้วก็เข้าไปปฏิบัติธรรมอยู่ถึง ๓ ปี ๓ เดือน จนกระทั่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาในพระวรกายมนุษย์ แล้วก็บอกว่าคุรุรินโปเชนั้นสำเร็จในความศักดิ์สิทธิ์แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2025 เมื่อ 04:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา