ครั้นย้อนออกมาเก็บรายละเอียดด้านนอกแล้ว พวกเราก็กลับมาขึ้นรถ ใครที่อยากเข้าห้องน้ำก็ไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นโชเฟอร์ก็พาเราวิ่งไปไม่กี่นาที จอดลงที่ลานจอดรถอีกแห่งหนึ่ง บอกว่าให้ไปชมสะพานแขวนภูนาคา สมัยก่อนต้องเดินมาจากภูนาคา ซองมา แต่ว่าสมัยนี้รถสามารถเข้ามาใกล้ เดินประมาณ ๓๐ นาทีก็ถึง กระผม/อาตมภาพลองเดินดูแล้ว ปรากฏว่าแค่ ๒ นาทีเท่านั้นเอง..!
ส่วนสะพานแขวนซึ่งสร้างขึ้นและบูรณะขึ้นมาใหม่นั้น ต้องบอกว่ากว้างใหญ่สมกับเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของภูฏาน กระผม/อาตมภาพใช้เวลาเดินไปกลับถึง ๓ นาทีทีเดียว กลับมาถึงฝั่งนี้แล้ว ญาติโยมจำนวนมากยังเดินมาไม่ถึงสะพานเลย จึงต้องไปนั่งรออยู่บนรถบัส ทำการส่งงานต่าง ๆ จนทุกคนกลับมาพร้อม ทางโชเฟอร์ถึงได้นำพวกเราวิ่งข้ามแม่น้ำ ซึ่งมีสะพานเหล็กขนาดใหญ่รองรับรถได้ ตรงเข้าไปยังตัวเมืองภูนาคาเพื่อหาที่พัก แต่ด้วยความที่ว่าโรงแรมซางโต เพลรี ของเราอยู่บนยอดเขา กว่าจะขึ้นไปถึงต้องใช้เวลาค่อนข้างนานทีเดียว
ทางโรงแรมส่งคนมาต้อนรับ แจกผ้าเย็น และเวลคัม ดริ๊งค์ เป็นชามะนาวเปรี้ยวจี๋..! แต่กระผม/อาตมภาพชอบมาก ในระหว่างที่นั่งรอเพราะว่ากระเป๋าที่ส่งมาก่อนนั้น เขาจัดสลับห้องกันไปหมด ระหว่างที่รอเขาจัดกระเป๋ากลับคืนห้องเดิม กระผม/อาตมภาพเดินไปดูสินค้าของเขา ปรากฏว่าเจ้าของร้านที่เป็นสาวใหญ่ อัธยาศัยดีมาก บอกว่าตรงนี้แค่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น สินค้าหลักอยู่ทางร้านใหญ่ข้างนอก ว่าแล้วก็เดินนำไปแบบกระตือรือร้นมาก
กระผม/อาตมภาพกับน้องการ์ตูนตามไป เห็นภายในมีข้าวของสารพัดอย่างจำหน่าย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ ตลอดจนกระทั่งเครื่องไม้เครื่องมือในการสวดมนต์ไหว้พระ และรูปสลักต่าง ๆ เมื่อดูสิ่งที่เขาทำเป็นประคำบ้าง เป็นแหวนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเทอร์คอยส์ก็ดี หรือว่าอำพันก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นของแท้..!
ครั้นมาถามลูกแก้วลาพิส ลาซูรี เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๖ เซนติเมตร เธอบอกว่าราคา ๒,๕๐๐ งุลตรัม กระผม/อาตมภาพถามว่า "ลดได้ไหม ?" เธอแทบจะไม่คิดเลย บอกว่า "ถ้าหลวงพ่อต้องการ จำหน่ายให้แค่ ๑,๘๐๐ งุลตรัมเท่านั้น..!" กระผม/อาตมภาพจึงรีบซื้อมา แล้วเดินย้อนมาบอกกับทุกคนที่รอห้องพักอยู่ เมื่อทุกคนได้ยินว่ามีของดีของแท้ราคาถูก จึงแห่กันไปจนแน่นร้านไปหมด ส่วนกระผม/อาตมภาพกลับมาเข้าห้องพัก ทำการซักผ้าและสรงน้ำแล้ว จึงได้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้ เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ขาดช่วงในการฟัง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:59
|