แต่ด้วยความที่ว่าเมื่อวานนี้ พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยานของเรา กระเป๋าเดินทางได้อันตรธานไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ก็คือของตนเองนั้นเป็นห้อง ๓๑๗ แต่กระเป๋าไปอยู่ที่ห้อง ๓๑๒ กว่าจะหาเจอก็แทบล้มประดาตาย..!
บรรดาเจ้าหน้าที่พนักงานโรงแรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงตอบว่า ตัวเลข ๒ กับเลข ๗ นั้นคล้ายคลึงกันมาก เมื่อเขียนหวัด ๆ ก็เลยทำให้เข้าใจผิด เอาไปส่งไว้ในห้องที่ไม่มีคนจองและไม่มีคนอยู่เสียด้วย ถ้าหากตามหาไม่เจอ ก็มีหวังสวัสดีเธอจ๋ากันแน่นอน..! วันนี้พวกเราจึงขออนุญาตดูจนกว่ากระเป๋าจะขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ถึงจะขึ้นรถออกเดินทางกันต่อไป
เวลา ๘ นาฬิกาเกือบ ๕ นาที รถของพวกเราได้วิ่งออกจากโรงแรมที่พัก ตรงไปทางเมืองภูนาคา ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศภูฏานมาก่อน ตอนนี้เพิ่งจะเห็นว่าเรื่องของรถมินิบัสนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าหนทางคดเคี้ยววกวนขึ้นเขาไปอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าเป็นรถใหญ่กว่านี้ ไปไม่รอดอย่างแน่นอน โดยเฉพาะถนนนั้น มีประมาณเลนครึ่งของบ้านเราเท่านั้น ถึงเวลารถหลีกกันแต่ละทีก็แทบที่จะกระจกมองข้างกระทบกัน ทำเอากระผม/อาตมภาพเองนึกถึงอีกประเทศหนึ่งที่มีสภาพถนนแบบนี้ ก็คือประเทศเนปาล แต่ว่าเขาก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเป็นอย่างยิ่ง
ประมาณ ๔๕ นาที พวกเราก็มาถึงช่องเขาโดชูลา พาส ซึ่งมีความสูงที่สุดของประเทศภูฏาน คือสูงจากระดับน้ำทะเล ๓,๑๔๕ เมตร ทันทีที่ลงจากเขา คุณตี๋ก็อุทานว่า [B]"สุดยอดมาก..มาเกือบ ๒๐ ครั้งแล้ว ฟ้ายังไม่เคยเปิดให้เห็นเทือกเขาหิมาลัยชัดเจนได้ขนาดนี้เลย"[B] พวกเราจึงแห่กันลงจากรถไป ลืมความสนใจสถูป ๑๐๘ องค์ที่ตั้งอยู่ทางขวามือไปเกือบสนิท..! ทางด้านซ้ายมือเมื่อมองผ่านต้นสนภูเขาออกไป เห็นยอดเขาน้อยใหญ่ของเทือกเขาหิมาลัย ที่มีหิมะขาวโพลนแจ่มจ้าอยู่ในแสงตะวัน พวกเราจึงหามุมถ่ายรูปกันเป็นการใหญ่ แล้วก็มีหมอกมาบังอยู่เป็นพัก ๆ
จนกระทั่งได้รูปกันครบถ้วนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไปถ่ายรูปพระสถูปทั้ง ๑๐๘ องค์ ซึ่งสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบรมราชินีอาชิ ดอร์จี วังโม วังชุก สมเด็จพระบรมราชินีของรัชกาลที่ ๔ ในราชวงศ์วังชุก ในโอกาสที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก รัชกาลที่ ๔ ทรงปราบกบฎได้รับชัยชนะกลับมา จึงสร้างสถูปทั้ง ๑๐๘ องค์ถวายเป็นพุทธบูชา โดยที่ให้ชื่อว่า พระสถูป ดรุก วังเกล โชเตน เพื่อที่เป็นเครื่องหมายของความสงบสันติ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:37
|